ในเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง เอติฮัด สเตเดียม รับการมาเยือนของแชมป์เก่าลิเวอร์พูล ซึ่งทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไร้กองหน้าตัวเก่ง เซร์คิโอ อเกวโร ด้านลิเวอร์พูลได้ โจเอล มาติป กองหลังมายืนคู่ โจ โกเมซ แนวรุกยังเป็นชุดใหญ่
เริ่มเกมลิเวอร์พูลเปิดเกมบุก ซาดิโอ มาเน โยกบอลเข้ากรอบเขคโทษ ไคล์ วอล์คเกอร์ เสียท่าไปกระแทก ซาดิโอ มาเน ล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับสังหารไม่พลาด ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 11
ต่อมาในนาที 24 เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสจากการตัดบอลกลางสนาม เฟร์ราน ตอร์เรส ตวัดบอลให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดขึ้นมาทางขวา เปิดต่อเข้ากลางบริเวณเสาไกล ราฮีม สเตอร์ลิง ได้ยิงติดเซฟ อลิสซอน ทำให้เจ้าถิ่นพลาดโอกาสตีเสมอ
เจ้าถิ่นยังคงบุกต่อเนื่องเพื่อกลับเข้าสู่เกม ในนาทีที่ 31 ไคล์ วอล์คเกอร์ เลี้ยงบอลมาทางกราบขวาก่อนส่งให้ เควิน เดอ บรอยน์ พลิกบอลและไหลต่อให้ กาเบรียล เชซุส ไขว้บอลหนี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อย่างสวยก่อนจิ้มบอลผ่านมือ อลิสซอน เข้าประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีเสมอได้สำเร็จ 1-1
หลังจากบุกอยู่นานเจ้าถิ่นมาได้จุดโทษในนาที 39 จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลไปโดนแขน โจ โกเมซ ผู้ตัดสินต้องใช้ VAR และเดินไปดูด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินเป็นจุดโทษ เควิน เดอ บรอยน์ รับหน้าที่สังหารแต่เจ้าตัวยิงหลุดกรอบ สกอร์ยังเท่ากัน 1-1 ลิเวอร์พูล รอดจากการเสียประตู
ก่อนจบครึ่งแรก ในนาทีที่ 43 ลิเวอร์พูลได้โอกาสอีกครั้งจาก ซาดิโอ มาเน ได้หลุดมาทางซ้ายก่อนพลิกเข้าในมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดึงจัวหวะและส่งต่อให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วิ่งมากดด้วยขวาติดเซฟ เอแดร์ซอน บอลปลิ้นแต่เจ้าตัวมาตะครุบได้
จบครึ่งแรกเสมอกันที่ 1 -1 เป็นฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คุมเกมได้ดีกว่าและมีโอกาสที่จะขึ้นนำแล้วแต่กลับทำไม่ได้ ทั้งสองทีมยังเล่นกันแบบระมัดระวังไม่ได้เปิดใส่กันมาลุ้นต่อกันในครึ่งหลัง
เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 53 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดที่จะได้ประตูแซงนำจากจังหวะที่ ชูเอา กันเซโล่ ลากบอลมาก่อนยกบอลข้ามแนวรับลิเวอร์พูลให้ กาเบรียล เชซุส โหม่งแต่หลุดกรอบออกไปนิดเดียว อลิสซอน นั้นหมดโอกาสที่จะเซฟแล้ว
นาทีที่ 56 กาเบรียล เชซุส ได้ลากบอลเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษแต่เจอผู้เล่นฝั่งลิเวอร์พูลยืนอยู่เต็มก็ได้หมุนตัวพลิกไปมา และส่งต่อให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ส่องไกล หลุดคานออกไปนิดเดียว
นาที 63 ลิเวอร์พูล ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญไป เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีอาการบาดเจ็บที่น่องเล่นต่อไม่ไหว ต้องรอแพทย์ตรวจสอบอีกทีว่าร้ายแรงแค่ไหน ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามมาแทน
จบเกม เสมอกันไป 1- 1 แบ่งแต้มกันไปคนละ 1 คะแนน โดย ลิเวอร์พูล จะมี 17 คะแนน เป็นอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นอันดับ 10 มี 12 คะแนน แต่จะลงเล่นน้อยกว่าลิเวอร์พูลอยู่ 1 นัด
รูปเกมถือว่าสูสีกันผลัดกันรับผลัดกันรุกโดย ชูเอา กันเซโล่ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมรับทำได้ยอดเยี่ยมมาก ตามประกบ โชต้า จนเล่นไม่ออกเกมรุกก็มีการเติมไปสร้างสรรในบางจังหวะ และ ลิเวอร์พูล อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สันช่วยตัดบอลแดนกลางได้หลายรอบ คุมจังหวะเกมได้ดีเยี่ยม เปิดบอลแม่นยำ แบ่งแต้มกันไปถือว่าสมเหตุสมผล
นัดต่อไป แมนเชสเตอร์ซิตี้ ออกไปเยือน ทอตนัมฮอตสเปอร์ ในวันที่อาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2020 และ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2020
ติดตาม ข่าวบอล สดใหม่ ได้ทุกวัน พร้อมผล วิเคราะห์บอล ผลบอลสด จากทุกลีก ได้ ที่นี่