“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มหรูบุกมาเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ถึงถิ่น และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้
1.แนวรุก-จังหวะการเข้าทำสุดยอด
นัดนี้ต้องชื่นชมเกมรุกลิเวอร์พูลที่กลับมามีชีวิตชีวาและน่ากลัวอีกครั้ง เริ่มต้นที่จังหวะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อจอร์แดน เฮนเดอร์สัน วางบอลยาวเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ซาดิโอ มาเน เอาบอลลงอย่างสวยก่อนผ่านบอลเข้ากลางให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ปรี่มายิงจ่อๆ เข้าไป เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบและลงตัวสุดๆ ส่วนประตู 2-0 เริ่มมาจาก ซาดิโอ มาเน กระชากเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวา อูโก โยริส ผู้รักษาประตูสเปอร์ส ปัดออกมาเข้าทาง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ตะบันด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้น สเปอร์ส ไล่มาเป็น 1-2 จากการยิงไกลของ ปิแอร์ เอมิล ฮอยจ์เบิร์ก แต่หงส์แดงก็มาได้ประตูนำห่าง 3-1 จากจังหวะที่ เทรนต์ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ บอลแฉลบ โจ โรดอน มาเข้าทาง ซาดิโอ มาเน กระหน่ำเข้าไปเลย ส่วนจังหวะอื่นๆ ในเกม หงส์แดงก็สามารถต่อเกมรุกกันได้อย่างไหลลื่นโดยเฉพาะ 3 ประสาน มาเน, ซาลาห์ และ เฟอร์มิโน ที่มีจังหวะเล่นร่วมกันอย่างรู้ใจหลายต่อหลายครั้ง
2.เทรนต์คืนฟอร์ม-มาติปเจ๋งก่อนเจ็บ-ไวจ์นัลดุมสุดปัง
หลังจากฟอร์มออกทะเลไปนาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กขวาดีกรีทีมชาติอังกฤษ ก็กลับมาทำให้เดอะค็อปทั่วโลกแฮปปี้กับผลงานของเขาอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวเล่นได้โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยเฉพาะเกมรุกที่เกมนี้เติมขึ้นสูงจนมีโอกาสขึ้นมายิงประตูสุดเฉียบให้ทีมนำห่าง 2-0 แค่นั้นยังไม่พอ เจ้าตัวยังมีส่วนร่วมกับประตูที่ 3 จากการเปิดบอลสุดอันตราย จนทำให้ผู้เล่นสเปอร์สรับมือได้ยาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ เทรนต์ ต้องทำนับจากนี้ไปคือการรักษาระดับฟอร์มก่รเล่นให้สม่ำเสมอแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะการที่เขาเล่นดีและกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งนั้นจะส่งผลดีต่อทีมอย่างมาก
ขณะที่ โจเอล มาติป ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์และออกสตาร์ตเป็นตัวจริงในเกมนี้ก็เป็นอีกคนที่ผลงานเข้าตากรรมการสุดๆ มีหลายจังหวะที่ สเปอร์ส พยายามโต้กลับเร็วเพื่อหวังให้ ซอน เฮือง มิน หรือ แฮร์รี เคน เล่นงานแนวรับของหงส์แดง แต่ มาติป ก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี ช่วยสกัดบอล ดักบอลสวยๆ ได้หลายครั้ง แต่ข่าวร้ายก็คือ มาติป มีอาการบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่จบครึ่งแรก แฟนบอลหงส์แดงต้องมารอตามเช็กอาการกันต่อไปว่าจะหนักหนามากแค่ไหน ปิดท้ายที่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางเลือดดัตช์ ดูจากฟอร์มนัดนี้แล้วก็ยิ่งนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเขาย้ายทีมแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะ ไวจ๋นัลดุม ถือเป็นทุกๆ อย่างในแดนกลางของลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล คุมจังหวะเกม เชื่อมเกมจากหลังไปหน้า หรือแม้กระทั่งปะทะในแดนกลางกับคู่แข่ง เขาทำได้ดีทั้งหมด ถึงขั้นที่ ลิเวอร์พูล เอคโค ตัดเกรดให้เขาถึง 9 คะแนนเลยทีเดียว
3.นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ดีกว่า รีส วิลเลียมส์ เป็นที่เข้าใจกันว่า เยอร์เกน คลอปป์ เลือกใช้งาน รีส วิลเลียมส์ กองหลังดาวรุ่งลงสนามเป็นตัวจริงในเกมเอฟเอคัพ รอบ 4 ที่แพ้ให้กับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 2-3 จนตกรอบไป ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานในเกมนั้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีจังหวะที่สกัดบอลวืดจนทำให่้ มารืคัส แรชฟอร์ด ได้หลุดเข้าไปยิงประตู และเกมนี้ก็เป็นไปตามคาดเมื่อ คลอปป์ ตัดสินใจดร็อป วิลเลียมส์ ไว้เป็นเพียงตัวสำรอง และส่ง โจเอล มาติป ลงเป็นตัวจริง ก่อนที่ มาติป จะมีอาการบาดเจ็บตอนจบครึ่งแรก และเป็น นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ที่ได้รับโอกาสลงมาแทน ไม่ใช่ วิลเลียมส์ และแม้ว่า ฟิลลิปส์ จะโดนใบเหลืองเร็วจากการไปทำฟาวล์คู่แข่ง แต่ก็ยังมีสมาธิเล่นต่อไปได้แบบนิ่งเกินอายุ แทบจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย และที่โดดเด่นที่สุดก็คือลูกกลางอากาศที่ทำได้ดีมากๆ และไม่มีจังหวะโฉ่งฉ่างอีกด้วย ดังนั้น คลอปป์ น่จะตัดสินใจได้แล้วว่าควรจะผลักดันกองหลังคนไหนมากกว่ากัน
4. แต้มสำคัญเรียกความมั่นใจ
หลังจากสะกดคำว่าชนะไม่เป็นมา 3 นัดติดต่อกัน เริ่มจากเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดเวอร์ชั่นเกมลีก 0-0 ต่อด้วยพลาดท่าแพ้ เบิร์นลีย์ คาถิ่นแอนฟิลด์ 0-1 และแพ้ ปิศาจแดง ในศึกแดงเดือดฉบับเอฟเอคัพ 2-3 ดูเหมือนว่าความมั่นใจของนักเตะลิเวอร์พูลจะเริ่มถดถอยลงไปเรื่อยๆ แต่จากฟอร์มนัดล่าสุดคงพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า หงส์แดง ทีมเดิมกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับความมั่นใจอันเปลี่ยมล้น หาคนที่โชว์ฟอร์มไม่ดีแทบไม่เจอ หรือพูดง่ายๆ ว่าเล่นดีกันทุกคน หลายคนที่เคยฟอร์มตกก็กลับมาเล่นดี ซึ่งนี่คือสัญญาณสำคัญที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาอยู่ในเส้นทางของการลุ้นป้องกันแชมป์อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรักษาความคงเส้นคงวาเอาไว้ให้ได้ และลุ้นให้คู่แข่งสะดุดกันบ้าง งานนี้ได้ลุ้นไปแบบยาวๆ แน่นอน