การแข่งขันในเกมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามพบกับ ลิเวอร์พูล โดยเกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 5 นาที “ปีศาจแดง” ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแต่จังหวะยิงช้าโดน เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ตามมาบล็อคช่วยไว้ได้ทัน
นาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสทอง
จากจังหวะของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จ่ายบอลทะลุช่องขึ้นมาทางขวาให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ล้มตัวกวาดเข้าในมาถึง แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า สอดเข้ามายิง อลีสซง เบ็คเกอร์ ปั่นด้วยขวาโค้งชนเสาสองเด้งออกมาหวุดหวิด
นาทีที่ 16 เจ้าบ้านชิงทำประตูทะยานออกนำจนได้
จากบอลทำชิ่งทางฝั่งซ้ายของ แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า หลุดเข้าเขตโทษจ่ายหักข้อถวายพานเข้าในให้ เจดอน ซานโช่ ดึงหลอก เจมส์ มิลเนอร์ ก่อนตั้งเท้าแปด้วยขวาตุงตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0
นาทีที่20 ลิเวอร์พูล พยายามตอบโต้
จากจังหวะของ หลุยส์ ดิอาซ ลากบอลมาทางซ้ายแหวกเข้าในฝากทำชิ่งให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ก่อนเจ้าตัวสอดมารับคืนได้ช่องปั่นด้วยขวาโค้งหนีบล็อคผ่าน ดาบิด เด เคอา หลุดเสาแรกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 25 “ปีศาจแดง” หวิดบวกสกอร์เพิ่ม
จากลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ คริสเตียน เอริกเซ่น ลักไก่หลอกยิงปั่นด้วยขวาโค้งมาเสาไกลเกือบเสียบสามเหลี่ยมบอลยังไปติดปลายมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เซฟเอาไว้ได้นิดเดียว
นาทีที่ 43 “หงส์แดง” พลาดโอกาสสำคัญ
จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เจมส์ มิลเนอร์ สอดเข้ามาโขกทางเสาไกลบอลไปเข้าทางแนวรับปีศาจแดงหวดสกัดผิดเหลี่ยมโชคดีบอลไปติด ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนคุมเส้นช่วยไว้ได้เหลือเชื่อ
จบครึ่งเวลาแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำ ลิเวอร์พูล ไปก่อน 1-0 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลและสร้างโอกาสเข้าทำได้ดุดันกว่าแต่ก็ยังขาด ๆ เกิน ๆ ทำให้สกอร์ยังไม่ห่างต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 50 หงส์แดง เร่งเครื่องหวังพังประตูคืน
จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นบอลโค้งออกมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดีดไซค์ก้อยตามน้ำด้วยซ้ายปลิ้นข้ามคานออกไปไกล
นาทีที่ 53 “ปีศาจแดง” ขยับหนีเป็น 2-0 จนได้
จากจังหวะของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ขยับไปแย่งบอลจากกลางสนามก่อนจ่ายออกซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเดี่ยวลากขึ้นมาอัดด้วยขวายัดเสาแรกตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำห่าง 2-0
นาทีที่ 60 ยังคงเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่บุกกดดันได้ดีกว่า
จากจังหวะของ ราฟาเอล วาร์ราน เติมขึ้นมาเก็บบอลในเขตโทษใช้ตัวพิงแนวรับ ลิเวอร์พูล ก่อนไหลตั้งให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ปั่นด้วยขวาบอลกระดอนพื้นหวิดเสียบเสาไกลแต่ยังติดเซฟ อลีสซง เบ็คเกอร์
นาทีที่ 80 เจ้าบ้านเกือบมาได้ประตูปิดกล่อง
จากความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ลีลาหนีผู้เล่น ลิเวอร์พูล 3 คนแหวกขึ้นมาทางซ้ายได้ช่องก้มหน้าปั่นด้วยขวาบอลผ่าน อลีสซง เบ็คเกอร์ ปลิ้นข้ามคานนิดเดียว
นาทีที่ 81 “หงส์แดง” ตีไข่แตกไล่ขึ้นมาจนได้
จากจังหวะในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เก็บตกในเขตโทษหมุนตัวตวัดด้วยขวาบอลไปติดเซฟ ดาบิด เด เคอา ปัดมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สอดมาโขกเบียดโคนเสาแรกเข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ไล่มา 2-1
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 2-1 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้เหนือกว่า และสร้างโอกาสจบสกอร์ได้ดุดันกว่าแต่ก็ยังขาดความเฉียบคมทำให้ หงส์แดง มาไล่ตีตื้นได้ช่วงท้ายเกมเล่นเอาแฟนบอลเจ้าบ้านหายใจไม่ทั่วท้องแต่ก็ยังแกร่งพอที่เก็บสามแต้มในบ้านไปได้