การแข่งขันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และฝั่งผู้มาเยือน มาสู้ในระบบ 4-3-3
เปิดฉากมาได้แค่ 2 นาที ติอาโก้ อัลคันทาร่า เล่นยากในช่วงเวลาที่เหลือ
จากจังหวะของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ไปเสียบใส่ข้างหลัง อิลคาย กุนโดกัน ทำให้ผู้ตัดสินให้ใบเหลืองไปก่อนอย่างรวดเร็ว
บอลส่วนใหญ่อยู่บริเวณกลางสนามจึงมาถึงนาทีที่ 24 ลิเวอร์พูลได้เสียวก่อน
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โยกหลอกแนวรับซิตี้ทางฝั่งขวาก่อนเปิดบอลเข้ามาให้ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งมาโหม่งเน้นๆแต่ บอลพุ่งเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 29 “หงส์แดง” เกือบได้ประตูขึ้นนำ
จากจังหวะของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หยอดบอลเข้าไปในกรอบก่อนจะโดน รูเบน ดิอ๊าซ โหม่งทิ้งออกมาเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ วิ่งมาวอลเลย์บอลพุ่งจะแรงกำลังจะเสียบใต้คานแต่ เอแดร์ซอน ปัดข้ามคานพ้นอันตรายออกไปได้
นาทีที่ 36 แมนฯซิตี้ มาได้จุดโทษ
จากจังหวะความคิดพลาดของ ฟาบินโญ่ ยื่นขาหลังไปขวางการเล่นของ ราฮีม สเตอร์ลิง ล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้จุดโทษแก่ทีมเยือนทันที แต่ อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหารดันยิงบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง
นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูลบุกขึ้นมาได้ลุ้นอีกครั้ง
จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลมาเข้าหัว ซาดิโอ มาเน่ ได้ขึ้นโขกแต่บอลยังไปตรงตัว เอแดร์ซอน รับเข้าซองไว้ได้ไม่ยาก
จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ยังเสมอกันไป 0-0 ต่างฝ่ายต่างระวัง ผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่ตลอดต้องมาติดตามต่อในช่วงครึ่งเวลาหลังว่าทีมใดจะเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปได้ก่อน
นาทีที่ 49 “เรือใบสีฟ้า” ทะยานขึ้นนำ
จากจังหวะของ ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงบอลผ่าน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนปาดเข้ากลางให้ ฟิล โฟเด้น ยิงไปติดมือ อลีสซง แต่ปัดบอลไปเข้าทาง อิลคาย กุนโดกัน ตามยิงซ้ำส่งบอลเข้าไปไม่เหลือ แก้ตัวได้สำเร็จ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ 0-1
นาทีที่ 55 เคอร์ติส โจนส์ ลองส่อง
จากจังหวะของ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ พาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายออกขวาให้ เคอร์ติส โจนส์ แตะบอลหนีแล้วกดด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 62 ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษคืนบ้างหลัง
จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะหลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนโดน รูเบน ดิอ๊าซ ดึงล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษทันที ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหารยิงเข้าไปไม่พลาดให้ ลิเวอร์พูล ไล่มา 1-1
นาทีที่ 71 แมนซิตี้ชวดประตูขึ้นนำ
จากจังหวะของ ฟิล โฟเด้น เปิดบอลยาวไปหน้าประตูให้กับ จอห์น สโตนส์ ได้จังหวะล้มตัวยิงบอลพุ่งผ่านมือ อลีสซง เข้าประตูไปแต่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตูเนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
นาทีที่ 73 “เรือใบสีฟ้า” มาแซงขึ้นนำจนได้
จากความผิดพลาดของ อลีสซง เบ็คเกอร์ เปิดบอลไม่ดีไปติด ฟิล โฟเด้น ลากบอลหนีแนวรับจนถึงเส้นหลังก่อนปาดมาหน้าประตูให้ อิลคาย กุนโดกัน วิ่งเข้ามายิงเข้าไปง่ายๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกนำ 1-2
นาทีที่ 77 อลีสซง เบ็คเกอร์ หมดความมั่นใจ
จากความผิดพลาดอีกครั้งของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกบอลพลาดง่ายๆอีกลูกหลังจ่ายจากไปเข้าทางของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หน้าปากประตูก่อนจะยกบอลข้าม อลีสซง เบ็คเกอร์ มาเสาไกลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้โหม่งเข้าไปง่ายๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 1-3
นาทีที่ 83 หงส์แดง มาโดนอีกลูกท้ายเกม
จากจังหวะของ กาเบรียล เชซุส วางบอลไปทางฝั่งขวาให้ ฟิล โฟเด้น ลากบอลตัดเข้ามาในก่อนซัดแสกหน้า อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าประตูไปอย่างเฉียบคม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่าง 1-4
จบเกม ลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 1-4 รูปเกมทั้งสองทีมสูสีกันไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซ็นต์การครองบอลและโอกาสการเข้าทำ แต่เจ้าบ้านมาเสียประตูจากความผิดพลาดของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ถึงสองลูกทำให้ทีมหมดกำลังใจที่จะไล่ทำประตู ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 50 คะแนน อยู่อันดับ 1 และทางด้าน ลิเวอร์พูล มี 40 คะแนนอยู่อันดับ 4
เกมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกเอฟเอคัพวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2021 และทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ สวอนซี ซิตี้ ในศึกเอฟเอคัพวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2021