การแข่งขันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 และฝั่งผู้มาเยือน มาสู้ในระบบ 4-3-3
นาทีที่ 11 เลสเตอร์ ซิตี้ได้ทักทาย
จากจังหวะของ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ วางบอลตัดแนวรับ ลิเวอร์พูล ไปให้ เจมี่ วาร์ดี้ ใช้ความเร็วหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะกระดกบอลข้าม อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่แรงไปหน่อยบอลข้ามคานออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 17 หงส์แดงต้องมาเสียแข้งหลักอีกราย
เนื่องจาก เจมส์ มิลเนอร์ มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะส่ง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ลงมาเล่นแทน
นาทีที่ 25 หงส์แดง เกือบได้เฮ
จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงมุมแคบด้วยขวา แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ออกมาปิดมุมได้เร็วใช้เท้าสกัดออกหลังไปแบบหวุดหวิด
นาทีที่ 36 เจ้าบ้านพลาดโอกาสทอง
จากจังหวะที่ ฮาร์วีย์ บาร์ส์ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ เจมี่ วาร์ดี้ ได้ขึ้นโขกเน้นๆ แต่บอลยังไปตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ รับเอาไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 42 เจ้าบ้านเกือบชิงทำประตูออกนำ
จากจังหวะของ โอซาน คาบัก แนวรับป้ายแดงของลิเวอร์พูลพลาดไปลื่นล้ม ก่อนจะโดน เจมี่ วาร์ดี้ ฉกบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดเหน่งๆแต่บอลไปชนคานอย่างจัง
นาทีที่ 44 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอีกครั้ง
จากจังหวะลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับหน้าที่ยิงแต่ยังไม่ดีพอบอลพุ่งไปติดกำแพงอย่างน่าผิดหวัง
จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไปอยู่ 0-0 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่บุกกดดันอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สามารถพังประตูได้เจ้าบ้านได้ ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 56 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง
จากจังหวะยิงฟรีคิกระยะ 30 หลาหน้ากรอบเขตโทษของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บอลพุ่งไปแฉลบกำแพงก่อนบอลจะพุ่งไปชนคานอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 67 ฟีร์มีโน่ แอสซิสต์อย่างสวยงาม
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายเข้ากลางมาให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไหลบอลคืนหลังด้วยสกิลสุดสวยให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วางเท้าปั่นเล่นทางด้วยซ้ายส่งบอลเสียบหน้าต่างเสาไกลอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล ออก 0-1
นาทีที่ 78 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูตามตีเสมอ
จากจังหวะลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายริมกรอบเขตโทษ เจมส์ แมดดิสัน กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามาก่อนจะที่ แดเนียล อมาร์ตีย์ พยายามจะสะกิดบอลเปลี่ยนทางแต่ไม่โดนทำให้บอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปไม่เหลือ เลสเตอร์ ซิตี้ ไล่มา 1-1
นาทีที่ 82 โอซาน คาบัค สื่อสารกันไม่เข้าใจ
จากจังหวะวางบอลยาวของ ยูริ ตีเลอมันส์ ทิ้งมาหน้ากรอบ อลีสซง เบ็คเกอร์ พยายามออกมาเคลียร์นอกกรอบ แต่สื่อสารกับ โอซาน คาบัค ไม่ดี ทำให้ คาบัค ไม่ปล่อยและสกัดบอลไปเข้าทางของ เจมี่ วาร์ดี้ เลี้ยงหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงแบบง่ายๆ เลสเตอร์ ซิตี้ พลิกนำ 2-1
นาทีที่ 85 เกมรับลิเวอร์พูลรวน
จากจังหวะบอลจ่ายแทงทะลุช่องของ อโยเซ่ เปเรซ ส่งให้กับ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ หลุดเดี่ยวเข้าไปทางฝั่งซ้ายก่อนจะยิงผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าประตูไปไม่เหลือ เลสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 3-1
จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 รูปเกมเป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลที่ครองบอลและสร้างสรรค์จังหวะจบสกอร์ได้มากกว่าแต่แนวรับมาเล่นกันผิดพลาดในช่วงท้ายเกมโดนรัวแซงสามประตูในช่วงไม่ถึง 10 นาทีถือว่าเจ้าบ้านใช้โอกาสไม่เปลือง ทำให้คว้าสามแต้มไปได้ในที่สุด ส่งผลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ มี 46 คะแนน อยู่อันดับ 2 และทางด้าน ลิเวอร์พูล มี 40 คะแนน อยู่อันดับ 4
เกมนัดถัดไปของ เลสเตอร์ ซิตี้ พบกับ สลาเวีย ปราก ในศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีกวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2021 และทางด้าน ลิเวอร์พูล พบกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2021