ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังสร้างผลงานได้สมกับฉายา “เครื่องจักรสีแดง” อย่างแท้จริง
จากเกมล่าสุดที่ยิงสลุตใส่ เซาธ์แฮมป์ตัน สี่เม็ดทำให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ขยับขึ้นเป็นรองจ่าฝูงหายใจรดต้นคอ เชลซี เหลือแค่แต้มเดียวแล้ว
และหากไม่นับเกมออกไปแพ้ เวสต์แฮม 3-2 “เร้ด แมชีน” ก็แสดงความโหดอำมหิตพังประตูคู่แข่งในสี่นัดโดยไม่เสียคืนเลยสักประตูรวมเป็น 12 ลูกเข้าไปแล้ว
เริ่มจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เฝ้าบ้านสยบ แอตเลติโก มาดริด 2-0
ตามด้วยการเปิด แอนฟิลด์ อัด อาร์เซน่อล ยับเยิน 4-0 ในเกมลีก ต่อด้วยเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เชือดนิ่มๆ ปอร์โต้ 2-0
กระทั่งล่าสุด ลิเวอร์พูล เฝ้าบ้านขยี้ นักบุญ ได้อีก 4-0 และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญในเกมที่ทีมของ คล็อปป์ ทารุณกรรมผู้มาเยือนภายใต้การกุมบังเหียนของ ราล์ฟ ฮาเซนฮัทเทิ่ล
1.ดีโอโก้ โชต้า ครบเครื่องต้มยำ
ลิเวอร์พูล อาจเสีย โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังซึ่ง คล็อปป์ อธิบายเมื่อเอาไว้เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย.ว่าเป็นอาการที่หนักหนาไม่น้อย
แน่นอนว่ากองหน้าแซมบ้ายังเป็นหัวใจสำคัญของทีม แต่ยังไงซะ ลิเวอร์พูล ก็มีขุมกำลังสนับสนุนที่ดีพอ
และแฟนบอล หงส์แดง ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยเนื่องจาก โชต้า พร้อมสอดแทรกลงสนามทุกเมื่อ
ที่สำคัญ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก วูล์ฟส์ โชต้า ก็สลับกับ ฟีร์มิโน่ แบ่งกันลงเล่นให้กับสโมสรมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และด้วยฟอร์มปัจจุบันที่กำลังเข้าฝัก เขาจึงกดเพิ่มอีกสองลูกในเกมถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเป็นประตูที่สี่จากสี่เกมในทุกรายการของเขา
จึงเป็นธรรมดาที่ คล็อปป์ จะเอ่ยยกย่อง โชต้า มากเป็นพิเศษหลังจบเกมบู๊กับ นักบุญ เนื่องจากพ่อค้าแข้งวัย 24 ปีถูกจับให้เล่นอยู่สูงกว่าทั้ง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงการอยู่ถูกที่ถูกเวลาต่อการคลำเป้าได้ดีแท้
2.แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดดเด่นเหลือหลาย
กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์อาจมีซีซั่นนี้ที่ไม่สู้ดีนักทั้งเคยฟอร์มตก และทั้งไม่ฟิตเท่าที่ควรจนส่งผลกระทบถึงผลงานในสนาม
ด้วยเหตุนี้ คอสตาส ซิมิคาส คู่แข่งในตำแหน่งแบ็คซ้ายจึงได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกบ่อยครั้งมากขึ้น
กระทั่งในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ “ร็อบโบ้” คนเดิมเรียกฟอร์มอันกร้าวแกร่งกลับคืนมาจนได้ดังจะเห็นว่าเขาเดินเกมรุกทางฝั่งซ้ายสนับสนุนการพังประตูของแผงรุกได้อย่างจัดจ้าน
และเพียงแค่นาทีเศษของเกมกับ เดอะ เซนต์ส โรเบิร์ตสัน ก็ผ่านบอลให้ โชต้า กระทุ้งประตูพาเจ้าบ้านออกนำจนทำให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาร่วมยินดีกับเขายกใหญ่
3. สถิติที่น่าเกรงขามของ อิบราฮิม่า โกนาเต้
โกนาเต้ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องอีกนัด และเปลี่ยนคู่ขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจาก โฌแอล มาติป ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชนะ ปอร์โต้ 2-0 มาเป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ อดีตกองหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน
หลังย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ดาวเตะเฟรนช์แมนวัย 22 ปีก็ส่อแววไปได้สวยกับ ลิเวอร์พูล ทันที
และด้วยความแข็งแกร่ง ตลอดจนพรสวรรค์ในการคุมเกมรับ ถึงขณะนี้ โกนาเต้ สร้างผลงานได้อย่างเหนือชั้นด้วยการเก็บไปแล้วหกคลีนชีตจากการลงสนามหกนัดซึ่งหมายความว่าเขายังไม่เสียประตูเลยจากการลงบู๊ให้กับ “เครื่องจักรสีแดง”
อีกทั้ง โกนาเต้ ยังช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตาข่ายขาดช่วงต้นครึ่งหลังด้วยในจังหวะเข้าบล็อคลูกยิงของ อดัม อาร์มสตรอง ที่น่าจะเป็นประตูตีไข่แตกของ เซาธ์แฮมป์ตัน เห็นๆ
4.เซาธ์แฮมป์ตัน เปื่อยยุ่ยตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้าจะนิยามทีม นักบุญ ตลอดระยะเวลาสามปีของ ราล์ฟ ฮาเซนฮัทเทิ่ล คงไม่ผิดหากจะใช้คำว่า “เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้” เลย
จากที่เคยมีช่วงเวลาที่ดี มาตอนนี้ “เดอะ เซนต์ส” กลับมาตกต่ำดำดิ่งอีกรอบจนได้
ยิ่งมาเจอกับทีมที่มีเกมรุกโหดจัดปลัดบอกอย่าง ลิเวอร์พูล พวกเขาก็หมดสิทธิ์ต้านทาน และเสียประตูอย่างง่ายดาย
พูดได้เลยว่าทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล บุกขึ้นหน้า เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มีโอกาสทวารบานทุกระยะแม้ ฮาเซนฮัทเทิ่ล จะวางหมากสามกองหลังเน้นความเหนียวแน่นอย่างเต็มที่ก็ตาม
จึงไม่แปลกที่อาคันตุกะจะเปลี่ยนแผนในครึ่งหลังด้วยการถอด ยาน เบดนาเร็ค ออกแล้วหันมาใช้ระบบแบ็คโฟร์แทน แต่มันก็แทบไม่ได้ช่วยลดความสูญเสียอะไรได้เลย
5. อลิสซง เหนียวหนึบไม่เปลี่ยน
ว่ากันตามจริง ลิเวอร์พูล มีขุนพลหลายรายที่ฉายฟอร์มได้เยี่ยมในเกมบู๊กับ เซาธ์แฮมป์ตัน
ไม่ว่าจะเป็น ฟาบินโญ่ ที่คุมเกมในแดนกลางได้เฉียบ รวมทั้งสองฟูลแบ็คที่เสริมเกมรุกได้ตลอดเวลาจนมีผลทำให้บรรดาตัวรุกเล่นกันได้ง่ายขึ้นเป็นกอง
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ครั้งแรกในซีซั่นนี้ที่ อลิสซง เฝ้าเสาได้อย่างยอดเยี่ยม และมีผลงาน 7 คลีนชีตแล้วจาก 12 เกมใน พรีเมียร์ลีก
อย่างที่ได้เห็นกันว่าพลพรรค นักบุญ มีโอกาสทะลุขึ้นมาคลำเป้าหลายหนไม่ใช่เล่น แต่มือกาวทีมชาติบราซิลมีปฏิกริยาที่เป็นเลิศ ขยับออกจากเส้นประตูได้อย่างว่องไวปฏิเสธโอกาสเช็คบิลของทีมเยือนได้โดยตลอด
พร้อมกันนี้ ก่อนจบครึ่งแรกนายทวารละตินยังโชว์หนึบพุ่งสุดตัวปัดลูกยิงของ อดัม อาร์มสตรอง ให้พ้นไปจากกรอบประตูได้อีกด้วย
รวมแล้ว นายด่านตาข่ายชาวแซมบ้าจึงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในตองอู เป็นสมาชิกคนสำคัญอีกรายของ “เร้ด แมชีน” อย่างแท้จริง