การแข่งขันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และฝั่งผู้มาเยือน มาสู้ในระบบ 4-2-3-1
นาทีที่ 3 เจ้าบ้านได้ทักทายก่อน
จากจังหวะของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ไหลบอลออกมาทางด้านซ้ายให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เติมขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจเปิดยัดกึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้ากรอบแต่บอลลึกไปเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 14 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้โอกาสอีกครั้ง
จากจังหวะของ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ แต่งบอลหาช่องหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะซัดไกลแต่ไปติดบล็อค แม็กไกวร์ บอลลอยมาเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กดด้วยซ้ายแบบไม่จับแต่บอลเหินคานไปแบบน่าผิดหวัง
นาทีที่ 20 เซอร์ดาน ชากิรี่ ส่องไกล
เป็นจังหวะของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เลี้ยงบอลตัดเข้าในก่อนจะจ่ายให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ยืนโล่งแต่งบอลเข้าซ้ายปั่นบอลโค้งแต่ไปติด แม็กไกวร์ ที่ขวางไว้ได้ทัน
นาทีที่ 22 เจ้าบ้านบุกหนักต่อเนื่อง
เป็นจังหวะสวนกลับของเจ้าบ้านโดย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางบอลยาวแม่นมาที่ ซาดิโอ มาเน่ เอาบอลลงและไหลต่อให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่สอดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะโยกเข้าขวาแล้วซัดแต่ยังไปติด วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ บอลลอยมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมากดด้วยซ้ายบอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 34 “ผีแดง” เกือบได้เฮ
จากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบกว่า 25 หลาเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส รับหน้าที่ปั่นบอลด้วยขวาข้ามกำแพงไปแล้วแต่บอลโค้งมากไปหลุดสามเหลี่ยมออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 35 “หงส์แดง” สวนทันควัน
เป็นจังหวะของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม แทงทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้สปีดพาบอลเข้าหากรอบเขตโทษก่อนจะเลี้ยงตัดเข้ากลางบอลไม่เป็นใจกระดอนหลุดจากเท้าแต่ยังมาเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่เติมขึ้นมายิงโดนไม่เต็มบอลเบาเข้ามือ ดาบิด เด เคอา รับไว้ได้ไม่ยาก
จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้จบไปด้วยสกอร์ 0-0 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลได้มากกว่าแต่ยังเจาะแนวรับ แมนฯยูไม่เข้าได้แต่จังหวะส่องไกลนอกกรอบ ต้องมาลุ้นกันต่อในครั้งเวลาหลัง
นาทีที่ 54 เจ้าบ้านยังเดินหน้าบุกต่อเนื่อง
จากจังหวะของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จ่ายต่อออกซ้ายให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เติมขึ้นมาโยกเข้าขวาแล้วกดแต่ยิงบดไปหน่อยทำให้บอลไม่มีน้ำหนัก เข้ามือ ดาบิด เด เคอา รับไว้ได้
นาทีที่ 61 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกือบซัดประตูได้
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตัดบอลได้ทางฝั่งขวาก่อนจ่ายให้กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ จ่ายต่อไวให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ล็อคหลอกก่อนจะจ่ายเข้าไปหน้าประตูให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่งบอลไปมาก่อนจะยิงด้วยซ้ายไปแฉลบขา แม็กไกวร์ บอลหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 65 อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังยืนตำแหน่งได้ดี
จากจังหวะของ เฟร็ด ที่ตัดบอลได้ก่อนจ่ายออกมาให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ยืนโล่งหน้ากรอบเขตโทษ แต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนจะซัดแต่บอลพุ่งไปตรงตัว อลีสซง เบ็คเกอร์ รับไว้ได้สบาย
นาทีที่ 75 ผีแดงชวดได้ประตูออกนำ
จากจังหวะบอลสวนกลับของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ขึ้นมาทางซ้ายก่อนเลี้ยงจี้เข้ากรอบไหลต่อให้ ลุค ชอว์ ปาดเรียดให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หน้าปากระตูแปด้วยขวาแต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังให้เท้าเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 78 ติอาโก้ อัลคันทาร่า ส่องไกลลูกนี้ได้ลุ้น
จากจังหวะของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า พาบอลจี้เข้าหาเขตโทษก่อนจะโยกหลบ เฟร็ด แต่งบอลซัดเต็มแรงนอกกรอบบอลพุ่งแรง แต่ ดาบิด เด เคอา ยังพุ่งปัดออกไปได้
นาทีที่ 83 ปอล ป็อกบา เกือบเป็นฮีโร่
จากจังหวะของ แอรอน วาน-บิสซาก้า เติมขึ้นมาสูงทางฝั่งขวาก่อนจะจ่ายเข้าในกับ ปอล ป็อกบา ยิงด้วยขวามุมแคบ แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยืนดักไว้ได้อยู่แล้ว
จบเกม แบ่งแต้มกันไปอย่างสุดมันส์ ลิเวอร์พูล 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 เจ้าบ้านลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่าทั้งเปอร์เซ็นต์การครองบอลและจังหวะจบสกอร์แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ ดาบิด เด เคอา ที่เซฟเอาไว้ได้และยิงหลุดกรอบเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล มี 34 คะแนน อยู่อันดับ 4 และทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 37 คะแนนรั้งจ่าฝูง
เกมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล พบกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันที่ 22 มกราคม 2021 และทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ฟูแล่ม ในวันที่ 21 มกราคม 2021
ติดตามบทความ วิเคราะห์บอล พรีวิวหลังเกม ข่าวสารฟุตบอล และ ไฮไลท์ฟุตบอล ได้อีกเพียบที่นี่