เกมการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ระหว่างลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยในวันนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล นำลูกทีมลงสนามในระบบ 4-3-3 และด้าน เบรนแด้น ร็อดเจอร์ส พาทัพจิ้งจอกสยาม มาสู้ในระบบ 3-4-2-1
“หงส์แดง” ได้ลุ้นก่อน
นาทีที่ 2 จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายกลับหลังให้ นาบี เกอิต้า บริเวณนอกกรอบเขตโทษก่อนจะส่องไกลไปชนหัว ยูริ ตีเลม็องส์ ออกหลังเป็นเตะมุม เจมส์ มิลเนอร์ รับหน้าที่เปิดมุม เปิดบอลโค้งมาเสาแรกให้ ซาดิโอ มาเน่ ขึ้นโหม่งเบียดเสาแรกเข้าข้างตาข่าย
สามประสานใหม่ลิเวอร์พูลเริ่มทำงาน
นาทีที่ 13 จากจังหวะการประสานงานกันของสามประสานในแดนหน้า ซาดิโอ มาเน่ ไหลเข้ากลางให้ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ จ่ายต่อให้ ดีโอโก้ โชต้า ดึงจังหวะและยิงด้วยขวายังไปติดเซฟของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
ลิเวอร์พูลมีโชค จอนนี่ อีแวนส์ พลาดทำเข้าประตูตัวเอง
นาทีที่ 21 จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลมาเสาแรกแต่เป็น คริสเตียน ฟุ๊คส์ ที่พยายามจะโหม่ง แต่ไม่โดนบอลเลยมาตกที่หัว จอนนี่ อีแวนส์ ตั้งหัวโหม่งสะบัดบอลไม่ทันทำให้บอลผิดเหลี่ยมเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง ส่งผลให้ ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0
ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ มีโอกาสได้ลุ้น
นาทีที่ 24 จากจังหวะของ เจมี่ วาร์ดี้ จ่ายบอลหักกลับเข้าในให้ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ยิงด้วยขวาบอลพุ่งหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้แต่ยืนมองแล้ว
ซาดิโอ มาเน่ หาเม็ดสองหวังบวกเพิ่มให้ทีม
นาทีที่ 38 เป็น เจมส์ มิลเนอร์ ที่ตัดบอลบุกได้บริเวณ กลางสนาม และเปิดเร็วให้กับ ซาดิโอ มาเน่ เก็บบอลได้ก่อนจะโยกหลอก เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ยิงแต่ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ยังตามสกัดได้ทันบอลกระดอนไปเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับได้สบาย
ดีโอโก้ โชต้า ยิงต่อเนื่อง
นาทีที่ 41 จากจังหวะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน รับบอลโยนมาก่อนจะแตะหลบ และเปิดบอลโค้งไปเสาแรกมี ดีโอโก้ โชต้า โฉบมาโขกบอลผ่านตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เข้าไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0
จบครึ่งแรก เป็นลิเวอร์พูล นำ เลสเตอร์ ซิติ้ 2-0 เป็นลิเวอร์พูลที่ทำเกมได้เหนือกว่า ด้านฝั่ง เลสเตอร์ ซิติ้ เองก็มีจังหวะได้จบสกอร์บ้างแต่ครึ่งหลังควรจะหาจังหวะเข้าทำให้ได้มากขึ้นเพื่อกดดันแนวรับลิเวอร์พูล
เริ่มครึ่งหลังมาได้ลุ้นเลย
นาทีที่ 46 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลมาให้กัล ดีโอโก้ โชต้า ได้ลองกดด้วยขวาแต่บอลหลุดกรอบออกไป
เจมส์ มิลเนอร์ อ่านเกมได้เยี่ยม
นาทีที่ 55 เป็นจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ อ่านเกมแล้วตัดบอลได้อีกครั้ง และจ่ายบอลทะลุให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลหลุดเข้าไปยิงแต่ยังติดมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล บอลลอยโด่งเกือบเข้าเสียบคาน ดีโอโก้ โชต้า พยายามตามซ้ำแต่โดน คริสเตียน ฟุ๊คส์ โขกเคลียร์บอลออกหลังไปได้ก่อน
โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ หวังคลายความกดดันให้ตนเอง
นาทีที่ 76 ดีโอโก้ โชต้า จ่ายบอลทะลุให้ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ พลิกหลุดเข้าไปดวลกับ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก่อนจะยิงหนีตัวไปชนเสาอย่างได้ลุ้น
ซาดิโอ มาเน่ ขอส่องไกล
นาทีที่ 84 ซาดิโอ มาเน่ ขึ้นบอลมาทางซ้ายก่อนจะกระชากตัดเข้าใน ก่อนยิงด้วยขวาเต็มข้อ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ช่วยเซฟไว้ได้
โรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน่ โขกเต็มๆ ปลดล็อค
นาทีที่ 87 เป็นจังหวะจากลูกเตะมุมของ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลโค้งมาให้ โรเบอร์โต้ ฟีร์มีโน่ โหม่งหนีมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เข้าไป ลิเวอร์พูลทิ้งห่างท้ายเกม 3-0
จบเกม ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะ เลสเตอร์ซิตี้ ไปได้ 3-0 ทำสถิติไม่แพ้ในบ้านเกมในลีกเป็นนัดที่ 64 ติดต่อกัน เก็บเพิ่มได้สามแต้มเป็น 20 คะแนนเท่ากับจ่าฝูง สเปอร์ส แต่ลูกได้เสียของสเปอร์ส ดีกว่า ทำให้ ลิเวอร์พูล อยู่ในอันดับที่ 2 และด้าน เลสเตอร์ ซิตี้ มี 18 คะแนน อยู่อันดับที่ 4 ลิเวอร์พูลครองเกมบุกได้ดีกว่า
เกมนัดถัดไป ลิเวอร์พูล พบกับ อตาลันต้า ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2020 และ เลสเตอร์ซิตี้ พบกับ บราก้า ในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2020