การแข่งขันในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เบิร์นลี่ย์ เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และฝั่งผู้มาเยือน มาสู้ในระบบ 4-4-2
เกมเริ่มมาได้เพียง 3 นาที เจ้าบ้านได้ทักทายก่อน
จากจังหวะเปิดบอลทางด้านขวาของ เชอร์ดาน ชากิรี่ บอลถึง ฟาบินโญ่ ได้ขึ้นโหม่งแต่โดนบอลไม่ดีบอลเลยออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 10 เบิร์นลี่ย์ ตอบโต้กลับขึ้นมาบ้าง
จากจังหวะของ คริส วู้ด จ่ายบอลทะลุกองหลังเจ้าบ้านไปให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ เข้าไปทางฝั่งซ้ายของกรอบเขตโทษแล้วได้ยิงด้วยขวาแต่ยังไม่ดีพอบอลเข้ามือ อลีสซง เบ็คเกอร์ รับไว้ได้สบาย
นาทีที่ 13 เบิร์นลี่ย์ เกือบได้ประตูออกนำ
จากจังหวะของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาตัดบอลในจังหวะของ คริส วู้ด ที่พยายามขึ้นโหม่ง แต่ตัดไม่ขาดก่อน คริส วู้ด จะตามไปเก็บบอลได้แล้วส่งต่อให้ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ได้ส่องโล่งๆ บนเส้นกรอบเขตโทษ แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 23 “หงส์แดง” พยายามเจาะประตูอย่างต่อเนื่อง
จากจังหวะของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม จ่ายบอลให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้ยิงเต็มข้อนอกกรอบ แต่ยังเบาบอลเข้ามือ นิค โป๊ป รับไว้ไม่มีปัญหา
นาทีที่ 29 ดิว็อค โอริกี้ ใช้ลูกเก่ง
จากจังหวะของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน พาบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะให้กับ ดิว็อค โอริกี้ กระชากตัดเข้าในบริเวณเส้นกรอบเขตโทษหาพื้นที่ว่างแล้วกดเรียดด้วยขวา บอลพุ่งตรงกรอบแต่ยังไม่ผ่านมือ นิค โป๊ป เซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง
นาทีที่ 32 ดิว็อค โอริกี้ ได้ลองส่องอีกครั้ง
จากจังหวะของ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลไปทางฝั่งซ้ายให้ ดิว็อค โอริกี้ กระชากตัดเข้าในก่อนยิงด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ แต่ นิค โป๊ป พุ่งไปเซฟไว้ได้อีกหน
นาทีที่ 38 เจ้าบ้านเดินหน้าบุกหนักต่อเนื่อง
จากจังหวะของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า จ่ายบอลให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่เติมขึ้นมา ก่อนจะหาช่องส่องไกลแต่บอลยังเหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 40 นิค โป๊ป ช่วยทีมไว้ได้อีกครั้ง
จากจังหวะของ ซาดิโอ มาเน่ จ่ายบอลไปให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทางฝั่งซ้ายก่อนจะซัดเต็มข้อยัดมุมแคบ แต่ นิค โป๊ป ยังยืนตำแหน่งดีทุบบอลออกมาได้
นาทีที่ 43 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทอง
จากจังหวะเปิดบอลยาวของ ฟาบินโญ่ บอลเหมือนจะไม่มีอะไรเลยไปถึง เบน มี พยายามส่งให้ นิค โป๊ป แต่พลาดท่าเตะโดนบอลไม่ดีทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ที่วิ่งตามมากดดันฉกบอลไปได้ก่อนจะหลุดเดี่ยวไปดวลกับ นิค โป๊ป แต่ ดิว็อค โอริกี้ กลับยิงได้ไม่ดีพอบอลพุ่งไปชนคานบริเวณสามเหลี่ยมก่อนที่ นิค โป๊ป จะรับเอาไว้ได้
จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้มากเสมอกันไปอยู่ 0-0 เป็นทางเจ้าบ้านได้เดินหน้าบุกหนักต่อเนื่องแต่ยังขาดเฉียบคม
นาทีที่ 51 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูอีกครั้ง
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนเปิดบอลไปติด ดไวท์ แม็คนีล บอลกระดอนกลับมาเข้าทาง เทรนท์ อีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจยิงบอลพุ่งทำตรงกรอบ แต่ นิค โป๊ป ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง
นาทีที่ 60 เจ้าบ้านบุกกดดันต่อเนื่อง
จากจังหวะของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม กระชากพาบอลขึ้นมาก่อนส่งให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะซัดเต็มข้อ แต่ นิค โป๊ป โชว์ซุปเปอร์เซฟพุ่งดักได้อีก
นาทีที่ 71 เบิร์นลี่ย์ ได้ตอบโต้
จากจังหวะของ ดไวท์ แม็คนีล ใข้ความเร็วกระชากบอลหลุดขึ้นไปเปิดบอลสุดริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าในบอลไปถึง โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน วิ่งมาซัดเน้นๆ บอลหลุดออกเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 83 จุดเปลี่ยนของเกม
จากจังหวะของ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่พลิกตัวหนี ฟาบินโญ่ หลุดเข้าไปก่อนจะแตะบอลหนี อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านเจ้าบ้านช้ากว่ามือไปปัดโดนปลายเท้า บาร์นส์ ล้มลงผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น แอชลี่ย์ บาร์นส์ รับหน้าที่สังหารไม่เหลือ เบิร์นลี่ย์ ออกนำ 1-0
นาทีที่ 88 ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูตีเสมอ
จากจังหวะยิงของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงอัดเข้ามาหน้าประตูก่อนจะเป็น โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ เปลี่ยนทางบอล บอลพุ่งเข้าหาประตูแต่ยังมี ดไวท์ แม็คนีล ที่ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาบอลไปติดตัว แม็คนีล ออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ
จบเกม ลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ เบิร์นลีย์ ไป 0-1 รูปเกมเป็นทางด้านเจ้าบ้านที่ครองบอลบุกได้ทั้งหมดถึงแม้ เบิร์นลีย์ จะได้ตอบกลับมาก็ยังไม่ใช้งานยาก แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านเจ้าบ้านมาพลาด ทำให้ทีมเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมทำให้ไล่ตีเสมอได้ไม่ทัน และแนวรุกลิเวอร์พูลเองก็ใช้โอกาสกันเปลือง ทำให้ ลิเวอร์พูล มี 34 คะแนนเท่าเดิม อยู่อันดับ 4 และทางด้าน เบิร์นลีย์ มี 19 คะแนน อยู่อันดับ 17
เกมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอคัพวันที่ 25 มกราคม 2021 และทางด้าน เบิร์นลี่ย์ พบกับ ฟูแล่ม ในศึกเอฟเอคัพวันที่ 24 มกราคม 2021
ติดตามบทความ วิเคราะห์บอล พรีวิวหลังเกม ข่าวสารฟุตบอล และ ไฮไลท์ฟุตบอล ได้อีกเพียบที่นี่