สมาชิกชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งล่าสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่าอดีตต้นสังกัดจะได้กลับมาชูถ้วยในฤดูกาลนี้ เนื่องจากมีองค์ประกอบพร้อม
วันที่ 22 ม.ค. 64 เวย์น รูนีย์ ที่เพิ่งแขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพเพื่อรับงานผู้จัดการทีมดาร์บี เคาน์ตี แบบเต็มตัว ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อดีตต้นสังกัดในระหว่างการแถลงข่าวก่อนเกมแชมเปียนชิพ ที่จะบุกไปเยือน ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในคืนวันเสาร์ที่ 23 มกราคมนี้
ทั้งนี้ รูนีย์ ถูกผู้สื่อข่าวสอบถามความคิดเห็นหลังจาก “ปิศาจแดง” บุกไปชนะ ฟูแลม 2-1 ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในเวลานี้ที่ 40 คะแนนจาก 19 นัด ทิ้งห่าง ลิเวอร์พูล แชมป์เก่าที่เพิ่งแพ้ เบิร์นลีย์ คาบ้าน 0-1 อยู่ถึง 6 แต้มจากการเตะเท่ากัน รวมถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 2 อยู่ 2 คะแนน แต่ “เรือใบสีฟ้า” แข่งน้อยกว่า 1 นัด นอกจากนี้ แมนยูฯ ยังไม่แพ้เกมเยือนในลีกมาแล้ว 17 นัดติดต่อกัน เทียบเท่ากับสถิติเมื่อปี 1999 ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือระดับตำนานในทีมชุดคว้า 3 แชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก)
ฟอร์มดังกล่าวบวกกับการคว้าตัว บรูโน เฟอร์นันเดส และ เอดินสัน คาวานี เข้ามาเสริมทัพ รวมถึงการกลับมาคืนฟอร์มเก่งของ พอล ป็อกบา ทำให้ รูนีย์ เชื่อว่าอดีตต้นสังกัดจะกลับมาคว้าแชมป์ลีกในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ที่เขาอยู่ในทีมชุดแชมป์ครั้งล่าสุดเมื่อฤดูกาล 2012-2013 ก่อนที่ “เฟอร์กี” จะวางมือจากการคุมทีม
ผู้จัดการทีมดาร์บี เคาน์ตี ให้สัมภาษณ์ว่า “หากย้อนกลับไป 2-3 ปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่พร้อมกับการลุ้นแชมป์ลีก แต่ตอนนี้พวกเขาได้ดึงผู้เล่นอย่าง บรูโน และ คาวานี ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของผู้ชนะเข้ามา ซึ่งมันก็ช่วยกระตุ้นทีมได้เป็นอย่างดี เวลานี้พวกเขาได้ก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว ซึ่งผมได้คุยกับทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่อยู่ในสำนักงานของสโมสรเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อนว่าผมคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์ลีก และวันนี้ผมก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่”
“พอล ป็อกบา จะมีบทบาทสำคัญกับภารกิจนั้น เมื่อผู้เล่นคนอื่นๆ เริ่มมีความกระหายในชัยชนะไปพร้อมๆ กัน มันก็จะช่วยลดความกดดันจาก พอล ลง ทำให้ตอนนี้เขาสามารถแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาในสนามได้อย่างเต็มที่” รูนีย์ ที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัยกับ “ปิศาจแดง” กล่าวทิ้งท้าย
โปรแกรมถัดไปของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นศึกแดงเดือดสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยหนนี้จะสลับมาเป็นฝ่ายเปิดบ้านต้อนรับ ลิเวอร์พูล ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคมนี้ หลังจากเพิ่งบุกไปเสมอ 0-0 ที่แอนฟิลด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว