การแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร2020” กลุ่ม บี ระหว่าง รัสเซีย ลงสนามพบกับ เดนมาร์ก เกมนี้ รัสเซีย ลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 และทางด้าน เดนมาร์ก มาสู้ในระบบ 3-4-3
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 18 รัสเซีย ได้บุกทักทายก่อน
จากจังหวะของ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน กระชากบอลลุยขึ้นมาจากกลางสนาม โยกหลบแนวรับเดนมาร์กหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนหาเหลี่ยมยิงบอลยังพุ่งไปติดเท้า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่ช่วยเซฟไว้ได้
นาทีที่ 29 เดนมาร์ก เกือบได้เฮ
จากจังหวะของ ดาเนี่ยล วาส ไหลบอลทางฝั่งขวาเข้ากลางมาให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก วางเท้าส่องไกลบอลพุ่งเฉี่ยวเสาด้านซ้ายออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 34 อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน มีโอกาสลุ้นพังประตูอีกหน
จากจังหวะของ อาร์เต็ม ซูบา โหม่งบอลตั้งออกมานอกกรอบให้กับ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน วิ่งเข้ามากดเต็มข้อแต่บอลยังพุ่งเหินข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 38 เดนมาร์ก มาพังประตูขึ้นนำไปได้ก่อน
จากจังหวะของ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก จ่ายบอลมาให้ มิคเกล ดามส์การ์ด จับบอลก่อนหนึ่งจังหวะปั่นบอลหน้ากรอบเขตโทษบอลโค้งลอยหนีตัว มัตเวย์ ซาโฟนอฟ นายด่านหมีขาวฮุบเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม เดนมาร์ก ออกนำ 0-1
จบครึ่งแรก รัสเซีย ตามหลัง เดนมาร์ก ไปก่อน 0-1 รูปเกมเป็นทางฝั่ง เดนมาร์ก ที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้น้ำได้เนื้อมากกว่า กดดันจนสามารถชิงพังประตูออกนำกุมความได้เปรียบไปก่อนในช่วงท้ายครึ่งแรก ต้องมาติดตามกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 59 โรมัน ซ็อบนิน พลาดท่ากลายเป็นต้นเหตุในการเสียประตู
จากจังหวะของ โรมัน ซ็อบนิน มิดฟิลด์รัสเซีย จ่ายบอลคืนหลังหวังจะให้ไปที่ มัตเวย์ ซาโฟนอฟ นายด่าน แต่จ่ายพลาดบอลมาเข้าทาง ยุสซุฟ โพลเซ่น ที่วิ่งมาดักแต่งบอลก่อนซัดเต็มข้อส่งบอลเข้าตาข่ายไปไม่เหลือ เดนมาร์ก นำห่าง 0-2
นาทีที่ 70 รัสเซีย ไล่ตีไข่แตกได้สำเร็จ
จากจังหวะของ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ส่งบอลเข้าเขตโทษมาทางฝั่งซ้ายให้ อาร์เต็ม ซูบา จ่ายบอลเร็วมาถึง อเล็กซานเดร์ โซโบเลฟ จนถูก ยานนิค เวสเตอร์การ์ด รวบด้านหลังล้มไป ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษให้กับรัสเซีย ก่อนจะเป็น อาร์เต็ม ซูบา รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด รัสเซีย ไล่ตีเสมอ 1-2
นาทีที่ 80 เดนมาร์ก มาได้ประตูย้ำชัย
จากจังหวะของแนวรับรัสเซียสกัดบอลออกมาไม่ขาดบอลลอยมาเข้าทาง อันเดรียส คริสเตนเซ่น อัดเต็มข้อระยะประมาณ 22 หลาหน้ากรอบ บอลพุ่งแรงตรงกรอบ มัตเวย์ ซาโฟนอฟ นายด่านรัสเซียพยายามบินปัดแต่ไม่ทัน บอลพุ่งเข้าประตูไปเรียบร้อย เดนมาร์ก ทิ้งห่าง 1-3
นาทีที่ 82 รัสเซีย เมาหมัดตั้งเกมสู้ไม่ได้
จากจังหวะของ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก แย่งบอลได้ตรงกลาง ก่อนไหลออกมาทางขวาให้ โยอาคิม เมห์เล่ เลี้ยงบอลลุยเข้าเขตโทษก่อนยิงยัดเสาแรกบอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่พลาด เดนมาร์ก นำโด่ง 1-4
จบเกม รัสเซีย แพ้ให้กับ เดนมาร์ก ไป 1-4 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่ง เดนมาร์ก ที่สร้างสรรค์เกมรุกได้ดุดันกว่าและเอาชนะไปได้ไม่ยาก ส่งผลให้ เดนมาร์ก พลิกคว้าอันดับสองของกลุ่ม เนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่าทำให้ เดนมาร์ก เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ต้องไปเจอ เวลส์