การแข่งขันในศึกฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 ระหว่าง เยอรมัน ลงสนามพบกับ อิตาลี โดยเกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 7 นาที “อินทรีเหล็ก” ทักทายก่อน
จากจังหวะบอลสวนกลับ ลีรอย ซาเน่ พาบอลแหวกขึ้นมาทางซ้ายดีดเข้าในติด อเลสซานโดร บาสโตนี่ เด้งมาเข้าทางได้ช่องยิงด้วยขวากระดอนพื้นผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ถากเสาสองออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 8 อิตาลี ตอบโต้ทันควัน
จากจังหวะของ มัตเตโอ โปลิตาโน่ ขยับหนีขึ้นมาทางฝั่งขวาโยกตัดเข้าในหยอดด้วยซ้ายเข้าเขตโทษมาเข้าทาง จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ทิ้งตัวชาร์จหน้ากรอบแบบไร้ตัวประกบติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ ไปอย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 10 เยอรมัน ทะยานออกนำจนได้
จากจังหวะของ ติโม แวร์เนอร์ เก็บบอลในเขตโทษจ่ายออกซ้ายไปให้ ดาวิด เราม์ ตบย้อนเข้าในหลุดมาถึง โยชัว คิมมิช สอดมาเก็บหน้ากรอบ ก่อนยิงลอดขา จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ไปสุดเยือกเย็น เยอรมัน ออกนำ 1-0
นาทีที่ 30 อิตาลี ได้ตอบโต้บ้าง
จากจังหวะลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวาบอลโค้งเข้าเขตโทษมาตกใส่หัว ไบรอัน คริสตานเต้ ขึ้นดีกว่าแนวรับ เยอรมัน โหม่งเปลี่ยนทางบอลพุ่งผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ เหินข้ามคานออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 33 “อินทรีเหล็ก” ออกหมัดบ้าง
จากจังหวะของ ติโม แวร์เนอร์ เก็บบอลหน้ากรอบจ่ายบอลเร็วเข้าเขตโทษทางฝั่งขวาถึง โยนาส โฮฟมันน์ สอดมายิงบอลก็ยังไม่ผ่าน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ล้มตัวขวางเอาไว้ได้ทันเวลา
นาทีที่ 45+3 เยอรมัน มาได้ประตูคลายความกดดัน
จากจังหวะของ อเลสซานโดร บาสโตนี่ เสียเหลี่ยมไปผลัก โยนาส โฮฟมันน์ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนจะเป็น อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด เยอรมัน นำห่าง 2-0
จบครึ่งเวลาแรก เยอรมัน ออกนำ อิตาลี ไปก่อน 2-0 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลและสร้างโอกาสเข้าทำได้ดุดันกว่า จนสามารถชิงทำประตูออกนำไปได้ก่อนถึงสองลูก ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 51 “อินทรีเหล็ก” ยังไม่ผ่อนเกมรุก
จากจังหวะของ ดาวิด เราม์ ตามมารับบอลทางฝั่งซ้ายปาดเข้าเขตโทษลึกไปเสาไกลติด เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า สกัดไม่ดีปลิ้นมาหน้าเขตโทษเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ ยิงสวนตูมเดียวกระดอนพื้นซุกก้นตาข่าย เยอรมัน นำโด่ง 3-0
นาทีที่ 55 อิตาลี พลาดตีไข่แตกเหลือเชื่อ
จากจังหวะของ เจียนลูก้า กาปรารี่ ได้ช่องยิงหน้าเขตโทษบอลไปแฉลบแนวรับ เยอรมัน ย้อยมาเข้าทาง นิโคโล่ บาเรลล่า สอดมาทิ้งตัวหักข้อบอลยังไปติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ ตามมาควักทิ้งจากบนเส้นไปแบบหวุดหวิด
นาทีที่ 68 เยอรมัน มาได้เพิ่มอีกเม็ด
จากจังหวะของ โธมัส มุลเลอร์ พาบอลแหวกมาหน้ากรอบดีดไซค์ก้อยเข้าเขตโทษไปทางฝั่งซ้ายถึง แซร์จ นาบรี้ หลุดขึ้นหน้ามาก่อนจะไหลไปให้ ติโม แวร์เนอร์ ทิ้งตัวชาร์จเข้าไปไม่พลาด เยอรมัน นำโด่ง 4-0
นาทีที่ 69 เยอรมัน มาได้ลูกที่ 5
จากจังหวะของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ประมาทออกบอลพลาดโดน แซร์จ นาบรี้ สอดมาดักจ่ายบอลเร็วย้อนมาให้ ติโม แวร์เนอร์ ตั้งเท้าแปหน้ากรอบบอลตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ จากจังหวะนี้ ผู้ตัดสินเช็ค วีเออาร์ ก่อนยืนยันให้เป็นประตู เยอรมัน นำห่าง 5-0
นาทีที่ 80 อิตาลี มาได้ประตูตีไข่แตกจนได้
จากจังหวะของ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ สอดมาเก็บบอลทางฝั่งซ้ายก่อนจะได้โอกาสก้มหน้ายิงยัดเข้าเขตโทษบอลไปติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ ปัดไม่ดีเข้าทาง วิลฟรีด ญ็องโต้ ชาร์จส่งบอลเข้าประตูไปไม่เหลือ อิตาลี ไล่มา 5-1
นาทีที่ 90+3 มานูเอล นอยเออร์ โชว์เซฟสำคัญ
จากจังหวะของ เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ได้ช่องปั่นด้วยซ้ายหน้าเขตโทษฝั่งขวาบอลโค้งหนีบล็อค โยชัว คิมมิช พุ่งเกือบเสียบใต้คานติดปลายมือ มานูเอล นอยเออร์ ควักทิ้งออกหลัง
จบเกม เยอรมัน เอาชนะ อิตาลี ไปได้ 5-2 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลและสร้างโอกาสจบสกอร์ได้ดุดันกว่า ทำให้ เยอรมัน เอาชนะไปได้ไม่ยาก ส่งผลให้ เยอรมัน เก็บสามคะแนนแต้มไปได้ไม่พลาด