จบเกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในเกมที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านพ่ายคารังให้กับแมนฯซิตี้ไปแบบสู้ไม่ได้ 1-4 แฟนบอลหลายทีมก็ต้องเริ่มทำใจแล้วว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกในซีซันนี้มีโอกาสสูงที่จะกลับมาอยู่ในมือของ “เรือใบสีฟ้า” อีกครั้ง
จริงๆเกมนี้ก็ไม่น่าจะออกมาขาดลอยขนาดนี้หากไม่ได้เกิดความผิดพลาดของอลิสสัน เบคเกอร์ จอมหนึบทีมชาติบราซิลของ “หงส์แดง” ที่เตะเปิดบอลไม่ดีจนไปเข้าทางแข้งแมนฯซิตี้ จนทำให้เกิดเสีย 2 ประตูในที่สุด
นอกจากความผิดพลาดของนักเตะในสนาม แล้ว สำหรับผู้เขียนคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดของ เจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เช่นกัน ที่ยังทู่ซี้ใช้งานฟาบินโญกับจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยืนปราการหลังคู่กลาง ทั้งๆที่ดึง 2 แนวรับตัวใหม่อย่างเบน เดวีส์ และโอซาน คาบัค มาร่วมทีมแล้ว หลายคนอาจจะเถียงแทนว่าก็เพราะยังเป็นเด็กใหม่ มาเจอเกมใหญ่ขนาดนี้กลัวจะรับมือไม่ไหว อันนี้ผมไม่เห็นด้วยยังไงก็ตามกองหลังมือ อาชีพกับกองหลังชั่วคราวศักยภาพมันต้องต่างกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางบอล การยืนตำแหน่งและการ มาร์กตัวประกบ แนวรับมืออาชีพก็ต้องดูดีกว่าอยู่แล้ว
จริงๆถ้าอย่างน้อยๆเอาเดวีส์ หรือคาบัค ลงไปยืนคู่ฟาบินโญคนใดคนหนึ่ง และเอาเฮนโด้ กลับมาเล่นในตำแหน่งที่ถนัด เชื่อว่ามีโอกาสที่ “หงส์แดง” จะเอาชนะแมนฯซิตี้ได้เช่นกัน เพราะ “เรือใบสีฟ้า” ก็ไม่ถึงกับมีฟอร์มที่ดีที่สุดในเกมนี้ พอมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นเช่นกัน
สาวก “ปิศาจแดง” ก็เซ็งกันไปตามๆกัน อุตส่าห์จะหวังพึ่งพาสุดท้ายก็เสร็จเช่นกัน ตอนนี้ ซิตี้นำหน้าแมนฯยูไนเต็ดอยู่ 5 แต้ม และแข่งน้อยกว่า 1 นัด ถ้าชนะนัดตกค้างได้ก็จะฉีกหนีไปเป็น 8 แต้มเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้หลายคนมองว่าการที่ “เรือใบสีฟ้า” ขาดเควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียม ไปอาจจะทำให้ฟอร์มแผ่วลงเกมอาจจะเดินไม่ไหลลื่นเหมือนเก่า เอาเข้าจริงๆ มันไม่เป็นปัญหาเลยว่าจะมีหรือไม่มีเควิน เดอ บรอยน์ แมนฯซิตี้ก็ยังเล่นได้เหมือนเดิม แค่เพียงว่าการขาด “เคดีบี” ทำให้นักเตะคนอื่นๆได้เฉิดฉายมากขึ้น เป็นใครไม่ได้นั่นก็คือ อิลคาย กุนโดกัน จริงๆกองกลางชาวเยอรมันเชื้อสายเติร์กก็เล่นได้ดีมานานและรับหน้าที่ปิดทองหลังพระมาตลอด แต่พอไร้เงามิดฟิลด์ชาวเบลเยียมทำให้กุนโดกันก็ฉายฟอร์ม 6 นัดล่าสุดในลีกยิงได้ถึง 6 ประตู
พอไร้เงาอดีตแข้งเชลซีแล้วสปอตไลต์ก็มาจับที่กุนโดกันแทน ยังไม่นับลูกรักอย่างฟิล โฟเดน ดาวรุ่งวัย 20 ปีที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเหมือนคนอายุ 28-29 สู้ได้ไม่มีถอยจริงๆ จนเบียดริยาด มาห์เรซ ปีกค่าตัวแพงตกกระป๋องจนกลายเป็นตัวหลักของ “เรือใบสีฟ้า” แทน
บอกตรงๆชั่วโมงนี้ “เรือใบสีฟ้า” ท็อปฟอร์มแบบสุดๆ และจากผลงานที่ผ่านมาเมื่อลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ติดเครื่องเมื่อไรมักจะไม่ค่อยพลาดแชมป์ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เพิ่งลงเตะไปเพียงแค่ 22-23 นัด ยังมีโอกาสที่พลิกผันได้ เมื่อลองมาส่องดูโปรแกรมในลีก 5 นัดถัดไปอยากจะเดินไปถามคนจัดโปรแกรมเช่นกัน ว่าจัดอีท่าไหนถึงออกมาแบบนี้ได้ พบ สเปอร์ส (เหย้า/13ก.พ.), พบ เอฟเวอร์ตัน (เยือน/17 ก.พ.), พบ อาร์เซนอล (เยือน/ 21 ก.พ.), พบ เวสต์แฮม (เหย้า/27 ก.พ.), พบ แมนฯยูไนเต็ด (เหย้า/6 มี.ค.) เพราะที่เหลือมีเพียงแค่เลสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซีที่ตึงมือเท่านั้น ซึ่งถ้าเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ชาวกระทิงดุผ่าน 5 นัดหลังจากนี้ไปได้และชนะ 3 เกมขึ้นไป รับรองว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกคงไม่หลุดมือ แน่นอน!!