“แม้เลือดตาแทบกระเด็น” ตัวสำรองฮีโร่แมนยูฯ เผย 3 ปัจจัยที่ช่วยให้เฉือนชนะ โอโมเนีย นิโคเซีย ต่อความหวังลุ้นแชมป์กลุ่มยูโรปาลีก
วันที่ 14 ตุลาคม 2565 สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางตัวสำรองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลังเกมยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 4 กลุ่มอี ซึ่งเขาลงมายิงประตูชัยในช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+3 ให้ “ปิศาจแดง” เปิดบ้านเฉือนชนะ โอโมเนีย นิโคเซีย ทีมจากไซปรัสแบบหวุดหวิด 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม ตามหลังทีมนำ เรอัล โซเซียดัด ที่ชนะ เชอริฟฟ์ ติราสโพล 3-0 เก็บ 12 แต้มเต็ม ลุ้นแย่งแชมป์กลุ่มใน 2 เกมสุดท้าย เพื่อเข้ารอบ 16 ทีมโดยอัตโนมัติกันต่อไป
ด้าน แม็คโทมิเนย์ เผยถึง 3 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ แมนยูฯ ชนะเกมนี้ได้สำเร็จ แม้เจอความเหนียวหนึบของ ฟรานซิส อูโซโฮ ผู้รักษาประตูโอโมเนีย นิโคเซีย ที่เซฟอุตลุดถึง 12 หน จากโอกาสยิงของ “ปิศาจแดง” ทั้งหมด 34 ครั้งว่า “ก่อนเกม โค้ช (เอริค เทน ฮาก) ได้ย้ำอย่างหนักแน่นว่าเราต้องการเป็นแชมป์กลุ่ม และนั่นคือเรื่องใหญ่สำหรับเรา ทำให้ทุกคนต้องการเป็นแชมป์กลุ่ม และเป็นแรงกระตุ้นสำคัญสำหรับเกมที่รออยู่ข้างหน้า”
“เรามีสปิริตของทีมที่ดีมาก ทุกคนยังคงต่อสู้เพื่อตำแหน่งของแต่ละคนในทุกสัปดาห์ และสำหรับเรา ผู้รักษาประตูของพวกเขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ซึ่งถือว่าน่าเสียดายสำหรับเรา แต่ในที่สุดเราก็ทำประตูได้ นับเป็นเรื่องดีของเรา”
“มันสำคัญที่เราจะต้องลงเล่นทุกเกม และแน่นอนว่ามันเป็นเกมของทีม อย่างที่คุณเห็น หลายคนที่ลุกจากม้านั่งสำรองแล้วลงมาทำประตูได้ ทั้งในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน, เกมก่อนหน้านั้น และในคืนนี้ นั่นคือสิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการ และทุกคนก็พอใจ”
โปรแกรมยูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี 2 นัดสุดท้าย
27 ตุลาคม 2565 (แข่งพร้อมกัน 02.00 น. เวลาประเทศไทย)
แมนยูฯ พบ เชอริฟฟ์ ติราสโพล
โอโมเนีย นิโคเซีย พบ เรอัล โซเซียดัด
3 พฤศจิกายน 2565 (แข่งพร้อมกัน 00.45 น. เวลาประเทศไทย)
เรอัล โซเซียดัด พบ แมนยูฯ
เชอริฟฟ์ ติราสโพล พบ โอโมเนีย นิโคเซีย