“ฝอยทอง” แชมป์เก่า เอาตัวรอดหวุดหวิดหลังมารัวท้ายเกมยำ ฮังการี 3-0 จากผลงานของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เหมาคนเดียวสองประตูพร้อมทำสถิติยิงมากสุดในรายการนี้พาทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ คืนวันอังคารที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้ายนัดแรกของ กลุ่ม เอฟ ประจำวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่สนาม ปุสกัส อารีน่า เมือง บูดาเปสต์ ประเทศ ฮังการี เป็นการพบกันระหว่าง ฮังการี ดวล โปรตุเกส
เปิดฉากครึ่งแรก 5 นาที “ฝอยทอง” ทักทายก่อนจากจังหวะทางขวาของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา แทงฝากขึ้นมาให้ ดีโอโก้ โชต้า จับบอลหลุดเท้าไปแฉลบขาแนวรับ ฮังการี เด้งมาเข้าทางก่อนตามมาอัดด้วยซ้ายติดเซฟ ปีเตอร์ กูลัคซี่ ทุบทิ้งออกมา 3 นาทีต่อมาจากฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวาของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หยอดมาเสาแรกให้ ดีโอโก้ โชต้า ขยับหลุดกับดักล้ำหน้าสอดมาชารจ์แบบไร้ตัวประกบแต่โดนไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไปไกล นาทีที่ 19 โปรตุเกส เร่งเครื่องต่อเนื่อง เปเป้ ทิ้งบอลยาวขึ้นมาให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สอดเข้าเขตโทษก่อนซัดตามน้ำด้วยขวาติดเซฟ ปีเตอร์ กูลัคซี่ แต่ก็มีธงล้ำหน้ายกตามขึ้นมาอยู่ดี ต่อมานาทีที่ 27 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขยันไปฉกบอลคืนก่อนแทงเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดขึ้นมาเกือบได้ซัดแต่ต้องชม วิลลี่ ออร์บาน ชิงเหลี่ยมทิ้งตัวสกัดช่วยเอาไว้ได้นิดเดียว 30 นาทีผ่านคราวนี้เป็น แบร์นาร์โด้ ซิลวา เก็บบอลทางขวาดึงจังหวะได้ช่องตักเข้าเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขึ้นโขกเสียดายโดนไม่เต็มหัวบอลพุ่งผ่านหน้าประตูหลุดออกไปเหมือนเดิม นาทีที่ 36 ฮังการี ออกหมัดครั้งแรกจากลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายบอลโค้งมาเสาแรกถึง อดัม ซาไล ขยับมาโขกเปลี่ยนทางพุ่งเข้ากลางประตูตรงตัว รุย ปาตริซิโอ รับเอาไว้ได้ไม่ยาก ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 40 จากจังหวะทางขวาของ เนลซอน เซเมโด้ สอดมารับบอลในเขตโทษก่อนหักข้อเข้าในให้ ดีโอโก้ โชต้า จับด้วยขวาหมุนตัวซัดด้วยซ้ายลอดขา วิลลี่ ออร์บาน แต่ยังไม่ผ่าน ปีเตอร์ กูลัคซี่ ใช้เท้าเซฟเอาไว้ได้นิดเดียว นาทีที่ 43 โปรตุเกส พลาดโอกาสทองจากบอลทางขวาของ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ ขยันไล่บอลก่อนทิ่มคืนให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ปั่นเข้าเขตโทษเลยมากลางประตูเข้าทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ชาร์จหน้ากรอบ 6 หลาเหินข้ามคานเหลือเชื่อ หมดครึ่งเวลาแรก ฮังการี เสมอ โปรตุเกส 0-0
เกมครึ่งหลังนาทีที่ 47 โปรตุเกส หวิดทะยานออกนำจากลูกเตะมุมทางขวา บรูโน่ แฟร์นันด์ส วางย้อนมาเสาไกลให้ เปเป้ ขึ้นดีกว่า วิลลี่ ออร์บาน โขกบอลเกือบเบียดโคนเสาแรกติดปลายมือ ปีเตอร์ กูลัคซี่ ผวามาปัดทิ้งหวุดหวิด 3 นาทีต่อมา ฮังการี พยายามตั้งเกมสู้แต่ไม่สามารถเจาะเข้าพื้นที่อันตรายได้ อดัม ซาไล ตั้งป้อมซัดด้วยขวาระยะร่วม 30 หลาบอลพุ่งตกพื้นแต่ไปตรงตัว รุย ปาตริซิโอ รับเอาไว้ได้ไม่พลาด นาทีที่ 56 กลายเป็น ฮังการี จบสกอร์ได้มากขึ้น โรแลนด์ ซัลไล แหวกขึ้นมาฝากให้ ออนดราช ชาเฟอร์ เก็บบอลไม่ดีไหลมาเข้าทาง ซัลไล ตามมาอัดด้วยซ้ายหน้ากรอบ 18 หลาก็ยังไปตรงตัว รุย ปาตริซิโอ 68 นาทีผ่าน “ฝอยทอง” มีปัญหาในการจบสกอร์ต้องเปลี่ยนมาลุ้นจากลูกยิงไกล บรูโน่ แฟร์นันด์ส อัดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลติดไซค์ก้อยพุ่งหาโคนเสาแรกแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ปีเตอร์ กูลัคซี่ เหมือนเดิม แต่แล้วนาทีที่ 77 แฟนบอล ฮังการี หวิดได้เฮเป็น ซาบอลคส์ ชอน ตัวสำรองหลุดขึ้นมาทางขวาก่อนพาลากตัดเข้าในได้ช่องซัดด้วยซ้ายยัดเสาแรกผ่านมือ รุย ปาตริซิโอ ตุงตาข่ายเสียดายมีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา จากจังหวะนี้ คูเนย์ต ชาคีร์ ผู้ตัดสิน รอเช็ควีเออาร์ก่อนยืนว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ฮังการี นาทีที่ 84 โปรตุเกส มาทะยานออกนำ 1-0 จนได้จากลูกฟรีคิกเล่นเร็ว ราฟา ซิลวา สอดมารับบอลในเขตโทษฝั่งขวาก่อนปาดเข้าในให้ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ ดีดไซค์ก้อยแฉลบเท้า วิลลี่ ออร์บาน เปลี่ยนทางซุกโคนเสาไกลงามหยด ไม่หนำใจนาทีที่ 86 “ฝอยทอง” ขยับสกอร์เป็น 2-0 จากความผิดพลาดของ วิลลี่ ออร์บาน เสียเหลี่ยมไปดึง ราฟา ซิลวา ร่วงในเขตโทษผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้เป็นจุดโทษทันที คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด สุดท้าย โปรตุเกส มาปิดกล่องเป็น 3-0 ในนาทีที่ 90+3 จากจังหวะประสานงานสุดสวย ราฟา ซิลวา ฝากชิ่งคืนให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดเข้ากรอบ 6 หลาก่อนแตะหนี ปีเตอร์ กูลัคซี่ ตวัดด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ โดยเป็นประตูที่ 106 ของเจ้าตัวในการรับใช้ทีมชาติ หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ฮังการี แพ้ โปรตุเกส 0-3
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง
ฮังการี (3-1-4-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่, เอ็นเดร บ็อทก้า, วิลลี่ ออร์บาน, อัตติลา ซาไล, อดัม นาจี้ (โรลันด์ วาร์ก้า น.88), เกอร์โก้ ลอฟเรนซ์ซิซ, ลาซโล ไคลน์ไฮสเลอร์ (ดาวิด ชิเกอร์ น.78), ออนดราช ชาเฟอร์ (โลอิก เนโก น.65), อัตติลา ฟิโอลา (เควิน วาร์ก้า น.88), โรแลนด์ ซัลไล (ซาบอลคส์ ชอน น.77), อดัม ซาไล
โปรตุเกส : รุย ปาตริซิโอ, เนลซอน เซเมโด้, เปเป้, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส (ชูเอา มูตินโญ่ น.89), ดานิโล่ เปเรยร่า, วิลเลียม คาร์วัลโญ่ (เรนาโต้ ซานเชส น.81), แบร์นาร์โด้ ซิลวา (ราฟา ซิลวา น.71), คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ดีโอโก้ โชต้า (อังแดร ซิลวา น.81)