เปิด 5 ประเด็นร้อนก่อนเกมที่ทาง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” จะเปิดบ้านดวลเดือด “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ค่ำคืนวันที่ 7 มี.ค.นี้ 23.30 น.
วันที่ 6 มี.ค. 64 ความเคลื่อนไหวก่อนเกม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทีม เป๊ป กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์ชาวสเปน ที่มีโปรแกรมเปิดสนาม เอติฮัด สเตเดียม ต้อนรับการมาเยือน “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของทาง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ กุมบังเหียน โดยที่ก่อนเกมดังกล่าว “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รั้งตำแหน่งจ่าฝูงด้วยการมี 65 คะแนนจากการลงสนาม 27 นัด เกมลีกนัดล่าสุดไล่ถล่ม “หมาป่า” วูฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 4-1 ทำให้ตอนนี้มี 65 คะแนนจาก 27 นัด ส่วน “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งรองจ่าฝูงมี 51 คะแนนจาก 27 นัดเท่ากันซึ่งเกมล่าสุดบุกเสมอ “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ 0-0
5 ประเด็นร้อนก่อนเกม แมนฯ ซิตี้ vs แมนยูฯ
1.) เจ้าถิ่นฟอร์มกำลังร้อนแรงสุดขีด
ต้องบอกว่าทีมเจ้าถิ่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์สเปน ฟอร์มกำลังร้อนแรงแบบเกินห้ามใจหลังตอนนี้พวกเขาดาหน้าคว้าชัยชนะแบบไม่ลดละเลิกเลยกับชัยชนะ 21 นัดต่อกันในทุกรายการ และ 15 เกมรวดในเกมลีก มาเจอกับทีมคู่แข่งร่วมเมืองฝั่งสีแดงที่ดูเหมือนว่าฟอร์มการเล่นจะตกลงไปแล้วจากที่ครั้งหนึ่งเคยมีคะแนนนำแต่ตอนนี้ถูกทิ้งห่างออกไปไกลลิบถึง 15 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งก่อนเกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็ได้ออกมากระตุ้นลูกทีมให้คว้าชัยชนะเพื่อทำคะแนนทิ้งห่างออกไป
2.) ทีมเยือนไร้ ดาบิด เด เคอา
เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในเกมดังกล่าว ดาบิด เด เคอา นายทวารมือหนึ่งชาวสเปนของทีมเยือนจะไม่มีส่วนร่วมในเกมนัดนี้อย่างแน่นอนจากที่ตัวเขาเพิ่งไปเฝ้าภรรยาที่เพิ่งให้กำเนิดลูกสาวคนแรกนามว่า ยาเนย์ ซึ่งจริงๆ แล้ว ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ได้ลงเฝ้าเสาไปก่อนแล้ว 1 นัดในเกมที่เสมอกับ “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ 0-0 แต่เกมนี้มันต่างออกไปเพราะนี่คือเกมแห่งศักดิ์ศรีระหว่างเมืองเดียวกันและจะเป็นเกมที่กดดันแน่นอน แต่นี่จะเป็นบทพิสูจน์ว่าตัวของ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารชาวอังกฤษดีพอที่จะก้าวขึ้นมาครองมือ 1 ในอนาคตได้หรือไม่
3.) ตำแหน่งรองจ่าฝูงของทีมเยือนอาจสั่นคลอน
จากเดิมที่ตอนแรกนั้นทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือชาวนอร์เวย์ ดูเหมือนสถานการณ์ของพวกเขาจะมั่นคงโดยเฉพาะการทำอันดับติดท็อปโฟร์ แต่ทว่าตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว จริงอยู่ที่พวกเขารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูง แต่ก็นำหน้า “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ แค่คะแนนเดียวเท่านั้น, มีคะแนนมากกว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เหลือแค่ 4 คะแนน นอกจากนี้ทีมอันดับ 5 “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน และ ทีมอันดับ 6 “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่แม้จะมี 46 และ 45 คะแนนตามลำดับแต่พวกเขาลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด รวมถึง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์เก่าที่รั้งอันดับ 7 จากการมี 43 คะแนน ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน
4.) คาดการณ์รูปเกมนัดนี้
ฟุตบอลสไตล์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เป็นฟุตบอลสไตล์ที่เดินหน้าทำเกมบุกแหลกอยู่แล้วไม่ว่าจะเจอกับใคร แต่การเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก่อนหน้านี้พวกเขามักพลาดท่าปราชัยให้ทีมคู่แข่งสีแดงจากเมืองเดียวกันสาเหตุเกิดเพราะพวกเขาเดินเกมบุกจนเปิดพื้นที่ด้านหลังไว้มากเกินไป นั่นทำให้เราเห็นว่า ตัวของ เป๊ป เองก็รู้ดีถึงจุดนี้เหมือนกันจึงปรับรูปเกมให้มีความเขี้ยวมากขึ้น กล่าวคือยังคงเน้นบุกเหมือนเดิมแต่ละเอียดมากขึ้นในเรื่องของการเข้าทำ ลดความเสี่ยงที่เสียบอลในพื้นที่สุดท้ายและเคาะหาช่องไปเรื่อยๆ เพื่อบีบให้ทีมเยือนตั้งรับซึ่งคาดว่ารูปเกมน่าจะออกมาเป็นแบบนี้
5.) สถิติการเจอกัน 5 ครั้งหลังสุดในลีก
จากสถิติระบุว่า การพบกันของทีมสีฟ้าและทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ตลอด 5 นัดหลังสุดที่ผ่านมาโดยนับเอาเฉพาะเกมลีกปรากฏว่าแต่ละทีมคว้าชัยชนะกันไปได้ฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 ครั้ง ซึ่งการเสมอนี้เกิดขึ้นในนัดแรกของซีซั่นนี้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ปี 2020 ขณะที่การเจอกันที่ เอติฮัด สเตเดียม ครั้งล่าสุดเป็นทีมเยือนที่บุกมาเอาชนะไปได้ 2-1 ต้องมาดูกันว่าหลังสิ้นเสียงนกหวีด 90 นาทีในเกมนี้บทสรุปจะเป็นยังไง