“เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก บุกมาเอาชนะ “หญิงชรา” แฮร์ธา เบอร์ลิน ไปหวุดหวิด 1-0 ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี เมื่อคืนที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2020-21 ประจำวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. 64 มีแข่ง 1 คู่ “หญิงชรา” แฮร์ธา เบอร์ลิน อันดับ 15 ของตาราง เปิดสนามโอลิมเปียสตาดิโอน รับการมาเยือนของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ทีมจ่าฝูง
เปิดฉากครึ่งแรกมาได้เพียง 4 นาที แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ก็เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะ โดดี้ ลูเกบากิโย ผ่านบอลให้ วลาดิเมียร์ ดาริดา ซัดบอลจากระยะ 20 หลาไปติดเท้าของ มานูเอล นอยเออร์ ถัดมาอีก 2 นาที บาเยิร์นเกือบได้ลุ้นประตู จากจังหวะบุกขึ้นาทางปีกขวาของ เลรอย ซาเน่ จากสนั้นนาทีที่ 14 แฮร์ธ่า ได้จังหวะบุกอีครั้งจาก วลาดิเมียร์ ดาริดา และ กชึชตอฟ ปีออนแต็ก แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ กระทั่งนาทีที่ 21 บาเยิร์นไดประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะบุกทางปีกซ้ายของ คิงสลี่ย์ โคแมน ที่ซัดลูกด้วยเท้าขวานอกกรอบโทษไปติดบล็อกของ นิกลาส สตาร์ค ทำให้บอลแฉลบเสียบมุมเสาเข้าไป ก่อนจะหมดเวลาครึ่งแรก และเป็นบาเยอร์นที่นำแฮร์ธ่า อยู่ 1-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง ในนาทีที่ 49 บาเยิร์น เกือบได้ประตูที่สอง จากการลากบอลยาวของ แซร์จ นาบรีย์ เข้าไปยิงนอกเขตโทษ แต่ก็ไม่รอดมือของ รูเน่ ยาร์ชไตน์ จากนั้นนาทีที่ 87 แฮร์ธ่า ได้ลุ้นประตูอีกครั้ง จากจังหวะของ เนมานยา ราดอนยิช ที่พาบอลหลบ ดาวิด อาลาบา แล้วซัดในกรอบโทษระยะ 15 หลา ไปติดตัว มานูเอล น็อยเออร์ อย่างน่าเสียดาย หมดแวลา 90 นาที ทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม บาเยิร์น มิวนิก บุกมาชนะ แฮร์ธา เบอร์ลิน 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 48 คะแนน นำจ่าฝูงต่อไป ทิ้งห่างอันดับ 2 แอร์เบ ไลป์ซิก ไปเป็น 10 แต้ม ส่วน แฮร์ธา เบอร์ลิน มี 17 คะแนนเท่าเดิม รั้งอันดับ 15
แฮร์ธ่า เบอร์ลิน : รูเน่ ยาร์ชไตน์ (GK),ปีเตอร์ เปคาริค,นิคลาส ชตาร์ค,ยอร์ดาน โทรูนาริกาห์ (โอมาร์ อัลเดเรเต้ น.46),มักซิมิเลี่ยน มิทเทิ่ลชตัดท์,ซานติอาโก้ อัสกาซิบาร์ (ซามี่ เคดิร่า น.81),ลูคัส ตูซาร์,โดดี ลูเคบากิโอ (แมตธิว เล็คกี้ น.81),วลาดิเมียร์ ดาริด้า (มัตเตโอ เก็นดูซี่ น.55),มาเธอุส คุนญ่า,คริสตอฟ ปิออนเต็ก (เนมานย่า ราดอนยิช น.63)บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ (GK),เบนฌาแม็ง ปาวาร์,นิคลาส ซือเล่,ดาวิด อลาบา,ลูกัส แอร์กน็องเดซ,ลีรอย ซาเน่ (ดั๊กลาส คอสต้า น.73),โธมัส มุลเลอร์,โยชัว คิมมิช,แซร์จ นาบรี้ (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ น.73),คิงส์เล่ย์ โกมัน (มักซิม ชูโป-โมติง น.86),โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้