การแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง อิตาลี ลงสนามพบกับ อังกฤษ เกมนี้ อิตาลี ลงเล่นในระบบ 4-4-2 และทางด้าน อังกฤษ มาสู้ในระบบ 3-4-2-1
เกมเริ่มมาได้ 2 นาที อังกฤษ ชิงทำประตูขึ้นนำไปได้อย่างรวดเร็ว
จากจังหวะของ ลุค ชอว์ ขึ้นเกมมาทางริมเส้นทางฝั่งซ้ายไหลเข้ากลางให้ แฮร์รี่ เคน เปิดบอลยาวมาที่ คีแรน ทริปเปียร์ ดันสูงขึ้นมาทางฝั่งขวา เปิดบอลเข้าเขตโทษก่อนเป็น ลุค ชอว์ สอดมายิงยัดตาข่ายเข้าทางเสาด้านซ้ายไปอย่างสวยงาม อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 7 อิตาลี ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง
จากจังหวะลูกฟรีคิกของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ หน้ากรอบเขตโทษก่อนจะปั่นบอลระยะประมาณ 20 หลา บอลโค้งหนีกำแพง แต่บอลยังสูงเกินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 35 อิตาลี เกือบมาได้ประตูตีเสมอ
จากจังหวะของ นิโคโล่ บาเรลล่า ส่งบอลมาให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า กระชากบอลหนี เดแคลน ไรซ์ จี้มาหน้ากรอบเขตโทษ ส่องไกลบอลพุ่งเรียดออกข้างกรอบประตูด้านขวาไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 45+1 จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังยืนตำแหน่งได้ดี
จากจังหวะของโจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ เปิดบอลเข้าเขตโทษมาให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เอี่ยวตัวยิงบอลยังไปติดบล็อก จอห์น สโตนส์ ก่อนจะมาเข้าทาง จอร์จินโญ่ ไหลไปให้ มาร์โก แวร์รัตติ วางเท้ายิงอีกครั้งแต่บอลไร้น้ำหนักไปเข้ามือ จอร์แดน พิคฟอร์ด รับเอาไว้ได้ไม่ยาก
จบครึ่งแรก อังกฤษ ออกนำ อิตาลี ไปก่อน 1-0 รูปเกมทั้งสองทีมยังสู้กันได้อย่างสูสีแต่เป็นทางฝั่ง อังกฤษ ที่ชิงความได้เปรียบตั้งแต่ต้นเกมทำประตูขึ้นนำไปได้ก่อน ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 50 อิตาลี มาได้ลุ้นจากลูกตั้งเตะ
จากลูกฟรีคิกระยะหวังผลของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ วิ่งมาปั่นบอลโค้งข้ามกำแพงแต่บอลยังโค้งไม่พอหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 57 อิตาลี น่าจะได้ประตูตีเสมอสุด ๆ
จากจังหวะของ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เติมขึ้นมาทางฝั่งขวารับบอลแล้วส่งต่อไปให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า วาง เท้ายิงเต็มข้อบอลไปชยแนวรับอังกฤษก่อนกระฉอกมาเข้าทาง ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ซัดเน้น ๆ แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังยืนปิดมุมทุบทิ้งออกมาทันเวลา
นาทีที่ 62 จอร์แดน พิคฟอร์ด โชว์ซุปเปอร์เซฟ
จากจังหวะของ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากบอลลุยมากลางเขตโทษ ก่อนจะหาช่องยิงบอลโค้งกำลังจะเข้าประตู แต่ต้องชม จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ช่วยเซฟสำคัญช่วยทีมเอาไว้ได้หวุดหวิด
นาทีที่ 67 อิตาลี มาไล่ตีเสมอจนได้
จากจังหวะลูกเตะมุมของ โดมินิโก้ เบร์ราดี้ เปิดบอลมาให้ไบรอัน คริสตันเต้ โฉบขึ้นมาโหม่งบอลสะบัดเลยมาหน้าประตูให้ มาร์โก แวร์รัตติ โหม่งไปติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด ก่อนจะกระดอนออกมาเข้าทาง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ซ้ำจ่อ ๆ ส่งบอลเข้าประตูไปไม่พลาด อิตาลี ไล่มา 1-1
นาทีที่ 73 เกมกลายเป็นของ อิตาลี
จากจังหวะวางบอลยาวของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ จากแดนตัวเองทิ้งขึ้นหน้ามาให้ โดมินิโก้ เบร์ราดี้ สอดหลุดเข้ามาในเขตโทษก่อนจะหวดสวนตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปแบบได้เสียว
จบเกม 90 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันที่ 1-1 ต้องต่อเวลาอีก 30 นาทีเพื่อให้ทีมผู้ชนะที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020
นาทีที่ 97 คัลวิน ฟิลลิปส์ เกือบมาโชคช่วย
จากจังหวะของ คัลวิน ฟิลลิปส์ เก็บบอลได้นอกกรอบเขตโทษพักอกเอาบอลลงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดเต็มแรงบอลพุ่งผ่านหน้าปากประตูออกหลังไปน่าเสียดาย
นาทีที่ 107 เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ เกือบมีชื่อบนสกอร์บอร์ด
จากจังหวะลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาของ เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ วิ่งเข้ามาซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้าหากรอบแต่ยังไปตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด รับเอาไว้ได้
จบเวลา 120 อิตาลี ยังเสมอกับ อังกฤษ อยู่ที่ 1-1 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษและกลายเป็นทางฝั่ง อิตาลี ที่ยิงได้เฉียบคมมากกว่าเอาชนะอังกฤษ ไปได้ 3-2 ส่งผลให้ อิตาลี คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 ทันที