การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ลงสนามพบกับ เชลซี เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 3-4-3
เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาที เจ้าบ้าน “หงส์แดง” ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะของ เอลเลียต ได้บอลกลางสนามก่อนจะฝากให้ ซาลาห์ ไหลคืนให้ เอลเลียต ลองซัดไกลนอกกรอบบอลพุ่งเรียดหลุดเสาไกลออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 10 “หงส์แดง” ยังขึงเกมรุกเอาไว้ได้ต่อเนื่อง
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กระชากพาบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนวางบอลยาวให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สอดมาแปด้วยซ้ายแต่บอลยังพุ่งไม่ตรงกรอบหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 22 แฟนบอลเดอะค็อป ในแอนฟิลด์ต้องเงียบกริบ
จากจังหวะลูกเตะมุมของ รีซ เจมส์ เปิดบอลเข้ามาเสาแรกให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นโขกเสยบอลไปเสาไกล บอลพุ่งย้อยข้ามมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปอย่างสวยงาม เชลซี ออกนำ 0-1
นาทีที่ 35 หลังจาก เชลซี โดนเจ้าบ้านกดอยู่นาน
จากจังหวะของ เมสัน เมาน์ท หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายในกรอบเขตโทษก่อนจะไหลบอลเข้ากลางให้ ลูกากู วิ่งมายิงด้วยขวาแต่บอลไปติดแนวรับเจ้าถิ่นก่อนลอยไปเข้ามือ อลีสซง เบ็คเกอร์
นาทีที่ 37 ลิเวอร์พูล พยายามทำเกมรุกหวังทวงประตูตีเสมอ
จากจังหวะของ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเข้าเขตโทษทางฝั่งขวาก่อนจะจ่ายเข้ากลางมาให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เอี่ยวต้ววอลเลย์แต่โดนไม่ดีบอลพุ่งเหินคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 45+1 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอและได้เปรียบตัวผู้เล่น
จากจังหวะลูกเตะมุมของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลเข้ากลางมาถึง ซาดิโอ มาเน่ โหม่งไปทางเสาไกล โฌเอล มาติ๊ป ตามมาโขกซ้ำแต่บอลยังไปชนคาน ก่อนจะกระดอนมาเข้าทาง มาเน่ จิ้มไปติด รีซ เจมส์ ที่สกัดอยู่บนเส้นประตู ผู้ตัดสินได้เช็ก วีเออาร์ ก่อนจะเป็นจุดโทษแก่ลิเวอร์พูลเนื่องจากมองว่าบอลไปโดนแขน รีซ เจมส์ และให้ใบแดงไล่ออกสนาม ก่อนจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่ยิงเข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล ไลตีเสมอ 1-1 ในนาที 45+5
จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี ที่เหลือแค่ 10 คน อยู่ที่ 1-1 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองเกมรุกได้เป็นส่วนใหญ่ก่อนจะมาโดนเชลซียิงขึ้นนำไปก่อน แต่ก็มาทวงประตูคืนได้ในช่วงท้ายเกมและได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น ต้องมาตามลุ้นกันต่อว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ครึ่งหลัง โธมัส ทูเคิ่ล ต้องปรับแผน
โธมัส ทูเคิ่ล เลือกเปลี่ยนสองคนรวดเลือกส่ง ติอาโก้ ซิลวา และมัตเตโอ โควาซิช ลงมาแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และไค ฮาแวร์ตซ์ เพื่อแพ็คเกมรับให้แน่น
นาทีที่ 51 เจ้าบ้านโหมบุกกดดันอย่างหนัก
จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลขึ้นมาก่อนจะดีดไซด์มาหน้าประตูให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้ขึ้นโหม่งบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 52 เอดูอาร์ เมนดี้ โชว์ซุปเปอร์เซฟ
จากจังหวะของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค พาบอลลุยขึ้นมาเองก่อนจะซัดนอกกรอบบอลพุ่งติดไซด์เกือบเบียดเสาแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟพุ่งออกไปได้แบบเหลือเชื่อ
นาทีที่ 59 หงส์แดง บุกหนักหน่วงพยายามพังประตู
จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เล่นสั้นมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลคืนกลับมาให้ เทรนท์ เปิดบอลเข้ากลางก่อนจะถูก อันเดรส คริสเตียนเซ่น ขึ้นสกัดบอลไปเข้าทาง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งมากดเต็มข้อแต่บอลก็ยังไปติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้ เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้อีกหน
นาทีที่ 83 เชลซี ลุยขึ้นมาได้จบสกอร์
จากจังหวะบอลกระฉอกมาเข้าทาง มาเตโอ โควาชิซ ฝากบอลให้ โรเมลู ลูกากู ไหลทะลุช่องให้ มาเตโอ โควาชิซ หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิงเน้น ๆ แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังออกมาปิดมุมได้ไว
นาทีที่ 84 ลิเวอร์พูล สวนกลับทันควัน
จากจังหวะบอลวางยางทิ้งขึ้นหน้าของ ฟาบินโญ่ ให้กับ ดีโยกู โจต้า หลุดขึ้นหน้ามาไหลเข้ากลางบอลมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บอลเข้าเท้าขวาตัดสินใจซัดทันทีบอลพุ่งเรียดบอล เอดูอาร์ เมนดี้ ล้มตัวรับเข้าไว้ได้ไม่ยาก
จบเกม ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี ไปที่ 1-1 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งเวลาหลังที่ตัวผู้เล่นมากกว่าแต่ก็ยังเจาะแนวรับไม่เข้าและยังใช้โอกาสเปลืองทำให้แบ่งแต้มกันไป
เกมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล ลงสนามพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 12 กันยายน 2021 และทางด้าน เชลซี ลงสนามพบกับ แอสตัน วิลล่า ในวันที่ 11 กันยายน 2021