การแข่งขันศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่าง แอตเลติโก มาดริด ลงสนามพบกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 3-5-2 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เริ่มเกมมาได้เพียง 7 นาที ลิเวอร์พูล มาได้ประตูทะยานขึ้นนำไปก่อน
จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พาบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้าย เลี้ยงบอลตัดเข้าในก่อนจะกดด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งไปแฉลบ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ยื่นอยู่หน้าประตูบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ออกนำ 0-1
นาทีที่ 12 เกมรุกยังคงเป็นของ ลิเวอร์พูล
จากจังหวะของ เฟลิเป้ กองหลังเจ้าบ้านสกัดบอลออกมาไม่ดี บอลมาเข้าทาง นาบี เกอิต้า ในเขตโทษยิงด้วยขวาเน้น ๆ บอลติดไซด์ก้อยเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล ทิ้งห่าง 0-2
นาทีที่ 20 แอต. มาดริด มาได้ประตูตีไข่แตกทันควัน
จากจังหวะของ โกเก้ พาบอลขึ้นมากลางสนามก่อนจะวางเท้ายิงเต็มข้อ ก่อนจะเป็น อ็องตวน กรีซมันน์ ที่เท้าไวสะกิดบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปไม่เหลือ แอตเลติโก มาดริด ตีไข่แตก 1-2
นาทีที่ 27 แอต. มาดริด เกือบมาได้ประตูตีเสมอ
จากจังหวะของ อ็องตวน กรีซมันน์ รับบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะยิง แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายด่านลิเวอร์พูล ยังไวออกมาปัดบอลทิ้งเอาไว้ได้หวุดหวิด
นาทีที่ 34 เกมเปิดแลกก่อนจะเป็น แอต. มาดริด มาได้ประตูตีเสมอ
จากจังหวะของ ชูเอา เฟลิกซ์ โยกล่อหลอกนักเตะทีมเยือน ก่อนจ่ายบอลไปให้ อ็องตวน กรีซมันน์ แตะบอลหนึ่งจังหวะก่อนจะยิงด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แอตเลติโก มาดริด ไล่มา 2-2
นาทีที่ 40 เจ้าบ้าน น่าจะมาได้ประตูขึ้นสุด ๆ
จากจังหวะของ ชูเอาเฟลิกซ์ พาบอลหลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะแต่งบอลซัดเรียดด้วยซ้าย แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังล้มตัวรับเอาไว้ได้ไม่ยาก
จบครึ่งแรก แอตเลติโก มาดริด เสมอกับ ลิเวอร์พูล อยู่ที่ 2-2 รูปเกมทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสนุก ลิเวอร์พูล นำห่างไวแต่ก็มาโดนตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรก ยังคงต้องติดตามลุ้นกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 49 เร่งเครื่องบุกเข้าใส่ทันที
จากจังหวะของ ยานนิค การ์ราสโก้ หลุดเข้ามาในเขตโทษก่อนจะยิงเน้น ๆ แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังไม่พลาดช่วยทีมป้องกันไว้ได้อีกหน
นาทีที่ 52 “ตราหมี” เหลือผู้เล่น 10 คน
จากจังหวะของ อ็องตวน กรีซมันน์ ไปยกเท้าสูงใส่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ผู้ตัดสินมองว่าเป็นจังหวะอันตรายเป่าฟาวล์และให้ใบแดงโดยตรง แอตเลติโก มาดริด เหลือ 10 คนในสนาม
นาทีที่ 56 ลิเวอร์พูล พยายามโหมเกมบุกกดดัน
จากจังหวะของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้โอกาสโหม่งบอลจากลูกเตะมุม แต่บอลยังเบาไปเข้ามือ โอบลัค รับเอาไว้ได้สบาย
นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล ได้ลูกจุดโทษ
จากจังหวะของ มาริโอ เอร์โมโซ่ ตั้งใจทำฟาวล์ใส่ ดิโอโก้ โชต้า อัดใส่ด้านหลังทำให้ ดิโอโก้ โชต้า ล้มลงไปในเขตโทษ ก่อนจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหารยิงเข้าไปอย่างเฉียบคม ลิเวอร์พูล พลิกแซงอีกครั้ง 2-3
นาทีที่ 81 แฟน แอต. มาดริด เฮเกอ
จากจังหวะของ ดิโอโก้ โชต้า ไปกระแทกใส่ โฮเซ่ คิเมเนซ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์ให้จุดโทษกับเจ้าบ้านก่อนจะไปเช็ค VAR ด้วยตัวเอง ผู้ตัดสินมองว่าล้มง่ายไปหน่อยกลับคำตัดสิน ไม่ให้ลูกจุดโทษแก่เจ้าบ้าน
นาทีที่ 90+3 แอต. มาดริด ได้ลุ้นจังหวะสุดท้าย
จากจังหวะของ อังเคล กอร์เรอา รับบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะวางเท้ายิงเน้น ๆ แต่บอลยังเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง
จบเกม แอตเลติโก มาดริด แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป 2-3 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ทำได้เหนือกว่า และสร้างโอกาสเข้าทำได้ดุดันกว่าจนสามารถมาพลิกเอาชนะไปได้ในช่วงครึ่งหลัง เก็บเพิ่ม 3 แต้ม นำโด่งเป็นจ่าฝูงกลุ่ม บี มีคะแนนรวม 9 คะแนนเต็ม จากการลงแข่ง 3 นัด ส่วน แอตเลติโก มาดริด ยังคงอยู่ที่สอง มี 4 คะแนน