การแข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง เชลซี ลงสนามพบกับ นอริช เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 3-5-2
เกมเริ่มมาได้ 5 นาที เชลซี เปิดฉากบุกเข้าใส่ก่อน
จากจังหวะของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เติมขึ้นมาก่อนจะได้โอกาสกดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลยังพุ่งไปตรงตัว ทิม ครูล รับเข้าซองเอาไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 8 เชลซี มาได้ประตูทะยานออกนำอย่างรวดเร็ว
จากจังหวะของ จอร์จินโญ่ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนจะไหลต่อมาให้ เมสัน เมาท์ ได้ตั้งป้อมซัดด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เชลซี ออกนำ 1-0
นาทีที่ 18 เจ้าบ้านกดดันต่อเนื่องจนมาได้เม็ดที่สอง
จากจังหวะของ มัตเตโอ โควาซิช จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจะยิงเน้น ๆ บอลพุ่งผ่านมือ ทิม ครูล เข้าประตูไปไม่พลาด เชลซี นำห่าง 2-0
นาทีที่ 38 นอริช ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง
จากจังหวะของ โอซาน คาบัค กระชากบอลขึ้นมาก่อนได้ช่องลองกดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 42 เกมรุกเอียงไปทางเจ้าบ้าน สกอร์เริ่มไหล
จากจังหวะของ เมสัน เมาท์น ไหลบอลไปให้ รีช เจมส์ ที่เติมขึ้นมาก่อนจะหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจะชิพข้ามตัวของ ทิม ครูล ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น เชลซี หนีเป็น 3-0
จบครึ่งแรก เชลซี ออกนำ นอริช ไปได้ก่อนถึง 3-0 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้เหนือกว่าอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการครองบอลหรือการทำเข้า แถมยังยิงประตูนำห่างไปได้ถึงสามลูก ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเงลาหลัง
นาทีที่ 53 นอริช เกือบได้ประตูตีไข่แตก
จากจังหวะของ เบน ชิลเวลล์ ไหลบอลคืนหลังแต่สั้นเกินไปทำให้โดน มิรอส ราชิช่า ตัดบอลไปได้ก่อนจะพาบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ เอดูอาร์ เมนดี้ พุ่งเซฟออกหลังไปได้แบบหวุดหวิด
นาทีที่ 57 เบน ชิลเวลล์ ซัดประตูสุดสวย
จากจังหวะของ มัตเตโอ โควาซิช จ่ายบอลขึ้นไปทางฝั่งซ้ายให้ เบน ชิลเวลล์ เติมสูงขึ้นมาในเขตโทษก่อนจะตัดสินใจยิงเรียดด้วยซ้ายส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เชลซี ทิ้งห่าง 4-0
นาทีที่ 62 เชลซี ยังไม่ผ่อนเกม
จากจังหวหวะของ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย วางบอลเข้ามากลางประตูแต่บอลไปแฉลบ แม็กซ์ แอรอนส์ เปลี่ยนทางพุ่งเข้าหาประตู ทิม ครูล พยายามปัดแต่ไม่ทันบอลข้ามเส้นเข้าประตูไม่เหลือ เชลซี ทิ้งห่าง 5-0
นาทีที่ 65 สถานการณ์ของ นอริช มาเลวร้ายลงกว่าเดิม
จากจังหวะของ เบน กิ๊บสัน พลาดท่าไปเข้าหนักใส่ รีช เจมส์ ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกต้องให้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป ทำให้ นอริช ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน
นาทีที่ 79 เจ้าถิ่นเกือบได้เม็ดที่หก
จากจังหวะของ รอสส์ บาร์คลีย์ รับบอลหลุดเดี่ยวขึ้นก่อนจะยิงด้วยซ้ายจ่อ ๆ แต่ ทิม ครูล ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟช่วยทีมปัดทิ้งออกหลังหวุดหวิด
นาทีที่ 81 เชลซี มาได้จุดโทษ
จากจังหวะของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ได้โอกาสตวัดยิงจ่อ ๆ บอลพุ่งไปติดแขนของ มาเธียส นอร์มันน์ ผู้ตัดสินย้อนไปเช็ก VAR ก่อนจะกลับมาเป่าให้จุดโทษกับ เชลซี ก่อนจะเป็น เมสัน เมาท์ รับหน้าที่สังหารแต่กลับยิงไปติดเซฟ ทิม ครูล แต่ผู้ตัดสินเป่าให้ เชลซี ยิงใหม่อีกครั้งเนื่องจาก ทิม ครูล ขยับเท้าออกมาจากเส้นก่อน และเป็นเมสัย เมาท์ ยิงอีกครั้งส่งบอลเข้าประตูไปไม่พลาดให้ เชลซี นำโด่ง 6-0
นาทีที่ 90+1 เมาท์ มาซัดแฮตทริกท้ายเกมจนได้
จากจังหวะของ รูเบน รอฟตัส ชีค พาบอลหลุดเข้าเขตโทษมาทางฝั่งขวาก่อนจะไหลบอลไปให้ เมสัน เมาท์ ได้โอกาสยิงโล่ง ๆ ส่งบอลเข้าประตูไปไม่พลาด เชลซี นำโด่ง 7-0
จบเกม เชลซี ไล่ถล่ม นอริช ไปถึง 7-0 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นของเจ้าบ้านทั้งหมดและมาได้เปรียบตัวผู้เล่นในช่วงครึ่งเวลาหลังอีกทำให้เกมนี้เอาชนะไปได้ไม่ยาก เก็บเพิ่มสามแต้ม มีคะแนนทั้งหมด 22 แต้ม เป็นจ่าฝูงต่อเนื่อง และทางด้าน นอริช มี 2 คะแนน อยู่อันดับที่ 20