ในปี 2564 ถือว่ามีบรรดานักเตะชื่อดังย้ายทีมกันไม่น้อยเลยทีเดียว และนี่คือ 9 ดีลใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นและถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก คัดเลือกโดยทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์
1. “ลิโอเนล เมสซี” หมดสัญญาบาร์ซา-ย้ายซบเปแอสเช
ถือเป็นดีลที่ฮือฮา แต่ก็ไม่มีอะไรผิดคาดมากนัก หลังจากที่ ลิโอเนล เมสซี ยอดดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส หลังหมดสัญญากับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่ง ลา ลีกา สเปน สโมสรที่เจ้าตัวเคยอยู่ค้าแข้งมานานถึง 21 ปี แม้ว่าเจ้าตัวจะต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม แต่ก็ติดปัญหาเรื่องการเงินจนทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแยกทางกันในที่สุด ก่อนที่ เมสซี จะจรดปากกาเซ็นสัญญากับ เปแอสเช 2 ปี หรือจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2023 พร้อมออปชันสามารถขยายสัญญาได้ถึงปี 2024 เลือกสวมเสื้อหมายเลข 30 รับค่าเหนื่อยอยู่ที่ปีละ 35 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,321 ล้านบาท ส่วนผลงานจนถึงตอนนี้ ดาวยิงวัย 34 ปี ซัดไปแล้ว 6 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 16 นัดรวมทุกรายการให้กับเปแอสเช
2.”คริสเตียโน โรนัลโด” ย้ายจากยูเวนตุส-ไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถือเป็นดีลสายฟ้าแลบแห่งตลาดซื้อขายนักเตะปี 2021 เลยทีเดียว เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าทีมชาติโปรตุเกส ตัดสินใจโบกมืออำลา ยูเวนตุส ย้ายกลับไปค้าแข้งกับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ด้วยค่าตัว 12.9 ล้านปอนด์ ถ้าให้เรียบเรียงไทม์ไลน์ในการย้ายทีมครั้งนี้ เริ่มต้นจากที่ วันที่ 26 สิงหาคม โรนัลโด มีข่าวอย่างหนักว่าจะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมืองของยูไนเต็ด แต่จากนั้น โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ โรนัลโด จะย้ายมาแมนยูฯ จากนั้นก็มีข่าวว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามเกลี้ยกล่อมให้ โรนัลโด กลับมาอยู่กับปิศาจแดง และจากนั้นไม่นาน แมนฯ ซิตี้ ก็ประกาศล้มดีลการล่าตัว โรนัลโด และสุดท้ายเป็น “ปิศาจแดง” ที่ประกาศคว้าตัว โรนัลโด กลับสู่โรงละครแห่งความฝันได้สำเร็จ ท่ามกลางความดีใจของแฟนบอลผีแดงทั่วโลก และจนถึงตอนนี้ โรนัลโด วัย 36 ปี ก็ทำผลงานได้น่าประทับใจ ยิงไปแล้ว 14 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 21 นัดรวมทุกรายการ
3.”จาดอน ซานโช” ย้ายจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์-ไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถือว่าปิดมหากาพย์ด้วยความชื่นมื่น หลังจากที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการคว้าตัวเป้าหมายที่พวกเขาเล็งมานานอย่าง จาดอน ซานโช ปีกทีมชาติอังกฤษ ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมได้สำเร็จ อันที่จริงแล้ว ปิศาจแดง ให้ความสนใจ ซานโช มาตั้งแต่ปี 2019 แต่ด้วยเรื่องค่าตัวที่ ดอร์ทมุนด์ เรียกร้องสูงเกินไป ทำให้ดีลนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ดอร์ทมุนด์ ตั้งค่าตัวของ ซานโช เอาไว้สูงถึง 120 ล้านยูโรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วในปีนี้ ยูไนเต็ด ก็จัดการคว้าตัว ซานโช มาร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 85 ล้านยูโร หรือประมาณ 3,209 ล้านบาท จรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมยาว 5 ปี หรือจนถึงปี 2026 นั่นเอง ส่วนผลงานของ ซานโช วัย 21 ปี จนถึงตอนนี้กับปิศาจแดง ก็ยังไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างมากนัก ซัดไปแค่ 2 ประตูจากการลงเล่น 20 นัดรวมทุกรายการ แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากต้องใช้เวลาปรับตัวกับการค้าแข้งในอังกฤษ ซึ่งฤดูกาลหน้าถือเป็นฤดูกาลสำคัญของ ซานโช ว่าเขาจะสามารถผงาดบนเวทีลูกหนังแห่งลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้หรือไม่
4.”แจ็ค กรีลิช” ย้ายจาก แอสตัน วิลลา-ไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถือเป็นบิ๊กดีลในเรื่องค่าตัวประจำปีนี้ สำหรับการย้ายทีมของ แจ็ค กรีลิช ตัวรุกทีมชาติอังกฤษที่ย้ายจาก “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา มาอยู่กับทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของเมืองผู้ดีที่ 100 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,498 ล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาระยะยาว 6 ปี ทุบสถิติเดิมที่ พอล ป็อกบา เคยทำเอาไว้ หลังย้ายจาก ยูเวนตุส กลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ค่าตัว 93.25 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,195 ล้านบาท ลงได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ กรีลิช ที่จะปรับตัวให้เขากับสไตล์การเล่นของ เรือใบสีฟ้า แถมยังต้องแยกความกดดันเรื่องค่าตัว ทำให้จนถึงตอนนี้แข้งวัย 26 ปี เพิ่งทำไปแค่ 3 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 21 นัดรวมทุกรายการ ต้องมาดูกันต่อไปว่าค่าตัวมหาศาลที่ แมนฯ ซิตี้ จ่ายไปนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ในช่วงตลอดเวลาที่ กรีลิช ยังค้าแข้งอยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม
5.”เซร์คิโอ รามอส” หมดสัญญากับ เรอัล มาดริด-ย้ายไปเปแอสเช
ได้ย้ายทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่อย่างสมใจ สำหรับ เซร์คิโอ รามอส ยอดกองหลังทีมชาติสเปน ที่ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีแห่งศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส แบบไม่มีค่าตัว หลังหมดสัญญากับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมที่เขาค้าแข้งมานาน 16 ปี โดย รามอส เซ็นสัญญาร่วมงานกับ เปแอสเช เป็นเวลา 2 ปี สวมเสื้อหมายเลข 4 และทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น 2 แข้งที่เคยปะทะกันบ่อยๆ ในสนามอย่าง รามอส และ เมสซี ได้อยู่ทีมเดียวกัน อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ส่งผลให้ รามอส วัย 35 ปี เพิ่งจะลงเล่นให้ เปแอสเช ไปเพียง 3 นัดรวมทุกรายการ
6.”ดาวิด อลาบา” หมดสัญญากับ บาเยิร์น มิวนิก-ย้ายซบ เรอัล มาดริด
เรอัล มาดริด ต้องหาตัวแทนหลังจากที่ เซร์คิโอ รามอส หมดสัญญาและย้ายไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และคนที่ ราชันชุดขาว เลือกเข้ามาก็คือ ดาวิด อลาบา แข่งสารพัดประโยชน์ทีมชาติออสเตรียจาก บาเยิร์น มิวนิก โดยเป็นการย้านทีมแบบไม่มีค่าตัวเนื่องจาก อลาบา หมดสัญญากับ บาเยิน์น มิวนิก พอดี ซึ่ง อลาบา วัย 29 ปี ก็ไม่ทำให้ ราชันชุดขชาว ต้องผิดหวัง กลายเป็นตัวหลักมีส่วนสำคัญในการพาทีมนำเป็นจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน อยู่ในเวลานี้ นั่นเอง
7.”อารอน แรมส์เดล” ย้ายจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด-ไปอยู่กับ อาร์เซนอล
นี่ก็เป็นอีกดีลที่สร้างความประหลาดใจในตลาดซื้อขายนักเตะประจำปีนี้ หลังจากที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ตัดสินใจควักเงินสูงถึง 30 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,349 ล้านบาท เพื่อคว้า อารอน แรมส์เดล ผู้รักษาประตู ที่ตกชั้นมา 2 ทีมติดกับทั้ง บอร์นมัธ และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาเฝ้าเสา แต่สุดท้าย แรมส์เดล ก็ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าเขามีดีพอที่จะเบียดขึ้นมาเป็นมือ 1 ของ อาร์เซนอล ได้สำเร็จ พร้อมกับเขี่ย แบรนด์ เลโน หล่นไปเป็นมือ 2 และนับจนถึงตอนนี้ แรมส์เดล ลงเล่นให้ อาร์เซนอล ไปแล้ว 19 นัด ซึ่งถือว่าเยอะกว่าที่หลายคนคาดคิดเอาไว้ตอนที่เข้าตัวย้ายมาอย่างแน่นอน ขณะที่ เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานกองหลังของ ลิเวอร์พูล ถึงกับออกมายกย่อง แรมส์เดล ว่าเป็นการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลของ อาร์เซนอล เลยทีเดียว เพราะเขาก็เป็นอีกคนที่ไม่เชื่อว่า แรมส์เดล จะทำผลงานได้ดีขนาดนี้
8.”โรเมลู ลูกากู” ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน-ไปอยู่กับ เชลซี
ในที่สุดก็ได้หวนกลับมาสวมเสื้อ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อีกครั้ง สำหรับ โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายจาก “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 98 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,409 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็ยังไม่ได้โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ สิงห์บลู จ่ายไป หลังดาวยิงวัย 28 ปี เพิ่งทำไปแค่ 7 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ จากการเล่น 17 นัดเท่านั้น
9.”เอดิน เชโก” หมดสัญญากับ โรมา-ย้ายไป อินเตอร์ มิลาน
เป็นที่ทราบกันดีว่า อินเตอร์ มิลาน ต้องเสีย ลูกากู ซึ่งเป็นดาวยิงคนสำคัญ ไปให้กับ เชลซี ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมองหาตัวแทนที่เหมาะสม และสามารถที่จะระเบิดตาข่ายช่วยทีมได้ตามมาตรฐานที่ ลูกากู เคยสร้างเอาไว้ และคนที่ งูใหญ่ เลือกเข้ามาก็คือ เอดิน เชโก กองหน้าทีมชาติบอสเนีย ซึ่งก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม เพราะ เชโก แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย เนื่องจากเคยเล่นกับ โรมา ในกัลโช เซเรีย อา อิตาลี มาก่อนแล้ว และฤดูกาลนี้เขาก็ซัดไปแล้ว 11 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 24 นัดรวมทุกรายการ และมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ อินเตอร์ มิลาน นำเป็นจ่าฝูงกัลโช่ เซเรีย อา อยู่ในเวลานี้ และเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีกด้วย และที่สำคัญ งูใหญ่ ได้ เชโก มาแบบไม่มีค่าตัว เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุดๆ