การแข่งขันฟุตบอล นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามพบกับ เชลซี เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้าน เชลซี มาสู้ในระบบ 3-4-2-1
เกมเริ่มมาได้ 3 นาที เชลซี ได้บุกทักทายก่อน
จากจังหวะของ ติโม แวร์เนอร์ พาบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจ่ายปาดเรียดเข้าในกรอบให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ แตะบอลไปจนเกือบสุดเส้นหลังก่อนจะยิงมุมแคบ แต่ เอแดร์ซอน ปิดมุมไว้หมดแล้ว
นาทีที่ 8 แมนฯซิตี้ ได้ตอบโต้บ้าง
จากจังหวะของ เอแดร์ซอน โมราเอส วางบอลยาวจากหน้าประตูตัวเองมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนจะแตะหลบ เอดูอาร์ เมนดี้ ไปแล้วแต่จังหวะจะยิงกลับตอกส้นไปติดเมนดี้บอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 14 “สิงห์บลูส์” ทิ้งโอกาสขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย
จากจังหวะของ เมสัน เมาน์ท พาบอลหลุดขึ้นมาก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบทางฝั่งซ้ายจ่ายหักเข้ากลางประตูมาให้ ติโม แวร์เนอร์ วิ่งมากดด้วยขวาแต่บอลไปตรงตัว เอแดร์ซอน รับไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 28 เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก
จากจังหวะของ อิลคาย กุนโดกัน จ่ายบอลให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดเข้าไปในกรอบด้านซ้ายแล้วจ่ายต่อไปหน้าประตูให้ ฟิล โฟเด้น สอดเข้ามายิงด้วยซ้ายแต่บอลยังไปติดบล็อคของ รือดิเกอร์ ก่อนบอลจะกระดอนมาเข้ามือ เอดูอาร์ เมนดี้ รับไว้ได้
นาทีที่ 37 เชลซี ได้สวนกลับเร็วขึ้นมาลุ้นพังประตู
จากจังหวะสวนกลับเร็วของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พาบอลกระชากขึ้นหน้ามาก่อนจ่ายออกขวาให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ พยายามจะพาบอลเข้าเขตโทษแต่โดน ซินเชนโก้ ตัดบอลไปได้ก่อน
นาทีที่ 42 แฟนสิงห์บลูส์ ได้เฮ เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน
จากจังหวะของ เมสัน เมาน์ท จ่ายบอลสุดสวยคิลเลอร์พาสไปให้ ไค ฮาแวร์ทซ์ หลุดเดี่ยวเข้าไปก่อนแตะหลบ เอแดร์ซอน แล้วยิงด้วยซ้ายโล่ง ๆ เข้าประตูไปไม่เหลือ เชลซี ออกนำ 0-1
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามหลัง เชลซี อยู่ที่ 0-1 รูปเกมทั้งองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสนุกผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ตลอดและกลายเป็นทางฝั่งเชลซีที่ชิงพังประตูขึ้นนำไปก่อนโยนความกดดันไปทางฝั่งแมนซิตี้ ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 55 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเสียแนวรุกคนสำคัญ
จากจังหวะของ เควิน เดอ บรอยน์ โดน อันโตนิโอ รือดิเกอร์ อัดเข้าไปโดนศรีษะจนล้มลงไป ก่อนทีมแพทย์พิจารณาแล้วว่าเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอา กาเบรียล เชซุส ลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 60 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบมาได้จุดโทษ
จากจังหวะของ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้โอกาสพาบอลเข้าไปซัดในกรอบบอลพุ่งไปติด รีซ เจมส์ แข้งเรือใบพยายามฟ้องผู้ตัดสินว่าบอลไปโดนแขน แต่หลังจากผู้ตัดสินรับสัญญาณจากห้องวีเออาร์ แล้วยืนยันไม่ให้จุดโทษ เนื่องจากบอลโดนบริเวณหน้าอกของ รีซ เจมส์
นาทีที่ 73 เชลซี เกือบมาได้ประตูปิดกล่อง
จากจังหวะของ ไค ฮาแวร์ทซ์ กระชากบอลจากครึ่งสนามขึ้นมาก่อนดึงจังหวะแล้วไหลให้ คริสเตียน พูลิซิช หลุดเข้าไปแต่กลับยิงหลุดกรอบออกหลังอย่างน่าเสียดาย
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ให้กับ เชลซี ไป 0-1 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้เหนือกว่าแต่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ในจังหวะสุดท้ายทำให้ เชลซี ที่เฉียบคมกว่ายิงขึ้นนำไปตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก กลายเป็นประตูแห่งชัยชนะ ส่งผลให้ เชลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสมัยที่ 2