นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เรอัล มาดริด ที่สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ (สเปน) เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ ลิเวอร์พูล จะมาในระบบ 4-3-3 กองหน้าคืนนี้จะใช้เป็น ซาดิโอ มาเน่ เล่นคู่กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยมี ธิอาโก้ อัลคันทารา คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
ขณะที่ เรอัล มาดริด จะมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 เช่นเดียวกัน นำโดยสตาร์ดังของทีมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ติโบต์ คูร์กตัวส์,คาเซมิโร่,โทนี่ โครส,ลูก้า โมดริช และ คาริม เบนเซม่า เป็นต้น
นาทีที่ 16
ติโบต์ คูร์กตัวส์ โชว์เซฟสองลูกติด โดยจังหวะแรกเป็นโอกาสของ เฮนเดอร์สัน ที่โหม่งตั้งบอลให้ เทรนท์ เกี่ยวบอลเข้าไปเล่นในกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วจ่ายต่อให้ โม ซาลาห์ ได้ซัดตรงกลางประตู แต่ ไม่ผ่านมือ คูร์กตัวส์ ส่วนอีกจังหวะนึง เป็น ธิอาโก้ ที่ได้ลองปั่นนอกกรอบ แต่บอลสุดท้ายก็ยังติดเซฟ คูร์กตัวส์ อยู่ดี
นาทีที่ 34
ลิเวอร์พูล ที่แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว เกือบได้ประตูออกนำอีกแล้ว จากจังหวะที่ เทรนท์ ขึ้นเกมกางกราบขวา ลากจี้เข้าหาตัวประกบ ก่อนจะโยกเข้าซ้าย แล้วเปิดยัดไปตรงกลาง โม ซาลาห์ ได้ตั้งหลักยืนโขกเน้นๆ คนเดียว แบบไม่มีตัวประกบ แต่บอลสุดท้ายก็ยังไปตรงตัวของ คูร์กตัวส์ เหมือนเดิม
นาทีที่ 43
ลิเวอร์พูล หน้าเสีย มาดริด ส่งบอลตุงตาข่ายไปแล้ว แต่โชคยังดีที่ VAR ริบคืน ซึ่งมาจากจังหวะที่ อลาบา วางบอลยาวให้ เบนเซม่า หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วยึกยักพยายามหาช่องยิง แต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่ง โคนาเต้ แย่งบอลไปครองได้แต่ไม่ยอม เคลียร์ทิ้ง สุดท้ายบอลกลับมาเข้าทาง เบนเซม่า ซัดเข้าประตูไปจนได้ แต่ลูกนี้ มีธงจากไลน์แมน ทำให้ต้องไปเช็คVAR และผลสุดท้ายคือ เรอัล มาดริด ไม่ได้ประตูขึ้นนำ
หมดครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 แต่รูปเกมตลอด 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล เหนือกว่าชัดเจน ขาดแค่จังหวะสุดท้ายที่ยังคมไม่พอ ดูแล้วถ้าครึ่ง ลิเวอร์พูล ยังเล่นได้แบบนี้ เชื่อว่า เรอัล มาดริด ลำบากแน่
นาทีที่ 58
ครึ่งก็ยังเป็น ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาสลุ้นประตูอยู่เรื่อยๆ จังหวะนี้ก็น่าได้ เมื่อ เทรนท์ ครอสบอลเข้าไปที่กลางประตูตามสูตร โม ซาลาห์ ที่เก็บบอลได้ ยิงหนแรกไปติดบล็อก ตามไปซ้ำดาบสอง ก็ยังไม่ได้
นาทีที่ 59 เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0 !!!
ทำไปทำมา สุดท้ายกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ขึ้นนำก่อน จากจังหวะสวนกลับเร็ว บัลเบร์เด้ ติดเครื่องกระชากบอลจากแดนตัวเอง ขึ้นไปทางขวา ก่อนจะเปิดเรียดไปที่เสาแรก วินิซิอุส วิ่งมาแทปอินระยะเผาขน เข้าไปไม่มีเหลือ 1-0 เรอัล มาดริด ขึ้นนำ
นาทีที่ 69
ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูตีเสมอ ตากจังหวะที่ เฮนเดอร์สัน วางบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลตกใส่หัว โชต้า สบัดย้อนกลับไปให้ โม ซาลาห์ วิ่งมาดีดบอลแบบไม่จับ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ผ่าน คูร์กตัวส์ ที่ล้มตัวขวางเอาไว้ได้ทันเวลา
หมดเวลาการแข่งขัน เป็น เรอัล มาดริด ที่เฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ด้วยสกอร์รวม 1-0 คว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 14 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่
ufabet สนับสนุนไฮไลท์สุดมันส์