การแข่งขันศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ระหว่าง ลิเวอร์พูล ลงสนามพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 16 นาที “เรือใบสีฟ้า” ได้ออกหมัดก่อน
จากจังหวะบอลขึ้นทางฝั่งซ้ายของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา กระชากขึ้นมาได้ช่องเปิดบอลไปเสาไกลเกือบถึง กาเบรียล เชซุส แต่ต้องชม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โขกสกัดทิ้งได้ทันเวลา
นาทีที่ 20 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสทอง
จากความสามารถเฉพาะตัวของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลากแหวกหนีขึ้นมาทางขวาก่อนจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษมาให้ ฟิล โฟเด้น สอดมายิงด้วยซ้ายแต่ยังไปติดเซฟ อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ออกมาบังเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
นาทีที่ 24 เควิน เดอ บรอยน์ น่าจะทำได้ดีกว่านี้
จากจังหวะของ ชูเอา กันเซโล่ เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายดึงจังหวะก่อนจ่ายบอลเข้าเขตโทษไปให้ เควิน เดอ บรอยน์ วิ่งมายิงตามน้ำด้วยซ้ายแต่บอลติดไซค์ผ่านหน้าประตูหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 32 ลิเวอร์พูล เกือบมาพลาดประตู
จากความผิดพลาดของแนวรับ ลิเวอร์พูล พลาดปล่อยให้ แจ็ค กรีลิช สอดขึ้นมาเก็บบอลก่อนจะหลุดเข้ามาทางซ้ายในเข้าเขตโทษแต่มุมหมดต้องยิงยัดด้วยขวาเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 45 “เรือใบสีฟ้า” เร่งเครื่องท้ายเกม
จากจังหวะบอลทิ้งยาวขึ้นหน้าของ เอแดร์ซอน โมราเอส ออกซ้ายมาให้ ฟิล โฟเด้น หลุดขึ้นมาพาบอลเข้าเขตโทษแต่จังหวะพยายามจะแตะหลบยังไปติดขา อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาช่วยบล็อคไว้ได้ทันเวลา
จบครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล ยังเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ที่ 0-0 รูปเกมเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่สร้างโอกาสเข้าทำได้ลุ้นมากกว่าแต่ก็ยังขาดความเฉียบคม ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 47 “หงส์แดง” โหมบุกทันทีตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง
จากจังหวะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บบอลได้ทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนจ่ายบอลขึ้นหน้ามาให้ เจมส์ มิลเนอร์ สอดมาตวัดเข้าเขตโทษลึกไปเข้ามือ เอแดร์ซอน โมราเอส รับเอาไว้ได้ไม่พลาด
นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูล ซัดเข้ากรอบครั้งแรก
จากจังหวะของ โฌเอล มาติ๊ป จ่ายบอลยาวขึ้นมาให้ ดิโอโก้ โชต้า ไขว้หนีแนวรับ แมนฯ ซิตี้ หมุนตัวมาตวัดด้วยซ้ายหน้ากรอบแต่บอลยังไม่หนีตัว เอแดร์ซอน โมราเอส รับเอาไว้ได้อีกครั้ง
นาทีที่ 59 “หงส์แดง” ทะยานออกนำจนได้
จากความขยันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงไปรับบอลก่อนยกหนี ชูเอา กันเซโล่ กระชากบอลหลุดขึ้นมาทางขวาลากตัดเข้าในไหลเข้าช่องไปให้ ซาดิโอ มาเน่ โฉบมาที่เสาแรกยิงด้วยขวาสวนตัว เอแดร์ซอน โมราเอส ตุงตาข่ายเข้าไปไม่พลาด ลิเวอร์พูล ออกนำ 1-0
นาทีที่ 69 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามตีเสมอได้ทันควัน
จากจังหวะของ กาเบรียล เชซุส เก็บบอลทางขวากระชากหนีแนวรับ ลิเวอร์พูล ทั้งแผงลากตัดเข้าในก่อนจ่ายเข้าเขตโทษไปให้ ฟิล โฟเด้น วิ่งสอดมายิงหักข้อด้วยซ้ายบอลผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ซุกโคนเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีเสมอ 1-1
นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล แซงออกนำอีกครั้ง
จากความสามารถเฉพาะตัวของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับบอลจาก เคอร์ติส โจนส์ ลากหนีแนวรับ แมนฯ ซิตี้ หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาลากตัดเข้าเขตโทศก่อนหักเข้าขวาซัดมุมแคบผ่านมือ เอแดร์ซอน โมราเอส เบียดโคนเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล พลิกขึ้นนำ 2-1
นาทีที่ 80 เจ้าบ้านดีใจได้ไม่นาน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ตีเสมอได้อีกหน
จากจังหวะของ ฟิล โฟเด้น รับบอลในเขตโทษทางฝั่งซ้ายก่อนปาดบอลเข้าในไปแฉลบผู้เล่นลิเวอร์พูล กระดอนมาเข้าทาง เควิน เดอ บรอยน์ ปั่นด้วยซ้ายบอลไปแฉลบ โฌเอล มาติ๊ป เปลี่ยนทางซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่มา 2-2
นาทีที่ 83 “หงส์แดง” พลาดโอกาสสำคัญ
จากลูกสูตรฟรีคิก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขยับมารับบอลเปิดเข้าเขตโทษลึกมาถึง ฟาบินโญ่ ได้ยิงโล่ง ๆ แบบไม่มีผู้รักษาประตูแต่จังหวะยิงช้าโดน โรดรี้ ทิ้งตัวบล็อคเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
จบเกม ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนฯ ซิตี้ ไปแบบสุดมันส์ 2-2 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ทำได้ดีกว่านิดหน่อย ทั้งสองทีมยังกินกันไม่ลง แบ่งแต้มกันไป ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล มี 15 คะแนน อยู่อันดับที่ 2 ส่วนทางด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี 14 คะแนน อยู่อันดับที่ 3