การแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง อิตาลี ลงสนามพบกับ สเปน เกมนี้ อิตาลี ลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้าน สเปน มาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 3 นาที อิตาลี ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะของ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ จ่ายบอลขึ้นมาให้ นิโคโล่ บาเรลล่า หลุดเดี่ยวเข้าในเขตโทษแตะหลบ อูไน ซิโมน แต่งหาช่องปั่นด้วยขวาโค้งไปชนเสาไกลเด้งออกมาอย่างเสียดายแต่ถึงเข้าประตูไปก็มีธงล้ำหน้าจากผู้ช่วย ผู้ตัดสินก่อนแล้ว
นาทีที่ 12 สเปน พลาดโอกาสทอง
จากจังหวะของ เปดรี กระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้ายเลี้ยงตัดมาหน้ากรอบเขตโทษก่อนจ่ายทะลุช่องให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล หลุดเข้ามาแต่จับบอลแรกไม่ดีหลุดเท้าไปเข้าทาง เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ตามมาช่วยสกัดทิ้งไว้ได้ทัน
นาทีที่ 20 อิตาลี ได้ตอบโต้บ้าง
จากจังหวะของ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ใช้ความเร็วกระชากบอลหลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้ายดึง อูไน ซิโมน ออกมาจากหน้าปากประตูก่อนจ่ายเข้าในถึง ชิโร่ อิมโมบิเล่ แปะต่อให้ นิโคโล่ บาเรลล่า แต่ช้าโดน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ดักสกัดไว้ได้ทัน
นาทีที่ 25 สเปน เกือบมาได้ประตูออกนำ
จากจังหวะของ ดานี่ โอลโม่ เก็บตกบอลในกรอบเขตโทษก่อนได้ช่องยิงบอลพุ่งไปติดบล็อค เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เด้งมาเข้าทางซ้ำอีกทีติดปลายมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า พุ่งไปปัดทิ้งไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 45 โอกาสยิงครั้งแรกของ อิตาลี
จากบอลวางยาวของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ทิ้งออกซ้ายให้ อเรนโซ่ อินซินเญ่ หลุดขึ้นมาก่อนเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษจ่ายต่อให้ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ยิงยัดเสาแรกบอลเฉี่ยวคานหลุดออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อ
จบครึ่งเวลาแรก อิตาลี ยังเสมอกับ สเปน อยู่ที่ 0-0 รูปเกมทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้มากยังเจาะเข้าพื้นที่อันตรายได้น้อย ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 49 อิตาลี เร่งเคลื่อนบุกกดดันก่อน
จากบอลวางยาวขึ้นหน้าของ จอร์จินโญ่ เปิดขึ้นมาให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ใช้ความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะ อายเมริค ลาปอร์กต์ ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเสียดายโดนไม่เต็มบอลพุ่งผ่านหน้าประตูหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 52 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เกือบมีชื่อบนสกอร์บอร์ด
จากจังหวะสวนกลับของ มิเกล โอยาร์ซาบัล กระชากพาบอลลากจี้เข้าเขตโทษดึงแนวรับ อิตาลี ได้ช่องไหลมาให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ สอดมาปั่นด้วยขวาหน้ากรอบบอลผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เฉี่ยวคานออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 60 อิตาลี ทะยานออกนำไปก่อน
จากจังหวะสวนกลับของ ชิโร่ อิมโมบิเล่ กระชากบอลขึ้นมาก่อนจะโดน อายเมริค ลาปอร์กต์ เข้าสกัดบอลมาเข้าทาง เฟเดริโก้ เคียซ่า พาบอลทะลุเข้าเขตโทษตัดเข้าในปั่นด้วยขวาบอลโค้งผ่านหน้า อูไน ซิโมน ซุกหน้าต่างเสาไกลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อิตาลี ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 64 สเปน พลาดโอกาสตีเสมอ
จากจังหวะของ โกเก้ เก็บตกหน้าเขตโทษก่อนเปิดไปเสาไกลให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล สอดเข้ามาให้เขตโทษแต่โหม่งไม่โดนบอลผ่านหน้าประตูหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 80 สเปนมาตามตีเสมอได้สำเร็จ
จากจังหวะประสานงานสุดสวยของ ดานี่ โอลโม่ แปะบอลเข้าเขตโทษให้ อัลบาโร่ โมราต้า หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจะได้จังหวะยิงบอลพุ่งผ่าน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าเสาแรกไปไม่เหลือ สเปน ไล่มา 1-1
จบเกม 90 นาที อิตาลี เสมอกับ สเปน ไป 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษเพื่อหาทีมชนะ
นาทีที่ 97 อัลบาโร่ โมราต้า พลาดโอกาสครั้งสำคัญ
จากจังหวะลูกฟรีคิกของ ดานี่ โอลโม่ ริมเส้นทางฝั่งซ้ายยิงเรียดยิงเข้ามาทำให้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ต้องล้มตัวปัดบอลมาเข้าทาง อัลบาโร่ โมราต้า ยิงไม่ดียังถูก จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ปัดทิ้งออกไปได้หวุดหวิด
นาทีที่ 110 แฟนบอล สเปน ต้องเงียบกริ้บ
จากจังหวะของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เปิดบอลหนุนเข้าไปหน้าปากประตูก่อนจะเป็น โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษยิงผ่านตัว อูไน ซิโมน เข้าประตูไปไม่เหลือ แต่กลายเป็นจังหวะล้ำหน้าไปเสียก่อน
จบเกม 120 นาที ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกัน อิตาลี 1 สเปน 1 ต้องดวลจุดโทษหาผู้ชนะ และเป็น อิตาลี ที่แม่นยำกว่าเบียดเอาชนะ 4-2 ลอยลำผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จรอไปพบระหว่างคู่ อังกฤษ ดวลกับ เดนมาร์ก