การแข่งขันศึกฟุตบอลคาราบาวคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้านทีมเยือนมาสู้ในระบบ 4-2-3-1
เกมเริ่มมาได้ 5 นาที เลสเตอร์ พลาดโอกาสทอง
จากจังหวะของ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่-ฮอลล์ จ่ายบอลทะลุช่องขึ้นหน้าไปให้ แพทสัน ดาก้า หลุดเข้าไปได้ยิงเต็มข้อ แต่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่านลิเวอร์พูลยังปัดบอลออกหลังไปได้ก่อน
นาทีที่ 10 เลสเตอร์ มาได้ประตูขึ้นนำจนได้
จากจังหวะของ เจมส์ แมดดิสัน แทงบอลทะลุช่องไปให้ เจมี่ วาร์ดี้ หลุดเข้าเขตโทษทางฝั่งขวาก่อนจะยิงบอลพุ่งเรียดเสียบมุมล่างเข้าไปอย่างเฉียบคม เลสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ 1-0
นาทีที่ 13 “จิ้งจอกสยาม” มาบวกเพิ่มได้อีกตุง
จากจังหวะของ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่-ฮอลล์ จ่ายบอลขึ้นหน้าไปให้ แพตสัน ดาก้า หลุดขึ้นมาก่อนจะจ่ายบอลเข้ากลางให้ เจมี่ วาร์ดี้ กระทุ้งส่งบอลเข้าไปไม่พลาด เลสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 0-2
นาทีที่ 19 ลิเวอร์พูล ไม่ยอมง่าย ๆ ได้ประตูตีไข่แตก
จากจังหวะของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ครองบอลในกรอบเขตโทษก่อนแตะคืนหลังให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยิงด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งผ่านแนวรับ เลสเตอร์ เข้าไปตุงตาข่ายอย่างเฉียบคม ลิเวอร์พูล ไล่มา 1-2
นาทีที่ 34 “จิ้งจอกสยาม” บุกมันส์ได้ประตูหนีห่างอีกครั้ง
จากจังหวะของ เจมส์ แมดดิสัน ตัดบอลได้กลางสนามก่อนจะหาช่องส่องไกลด้วยขวา บอลพุ่งแสกหน้า เคลเลเฮอร์ เข้าประตูไปอย่างสุดสวย เลสเตอร์ ซิตี้ นำห่างอีกหน 1-3
นาทีที่ 37 เจมี่ วาร์ดี้ เกือบทำแฮตทริกได้
จากจังหวะของ คอสตาส ซิมิคาส จ่ายบอลคืนหลังพลาดกลายเป็นบอลไปเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ พาบอลเข้าไปยิงในเขตโทษบอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ตามหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 1-3 รูปเกมเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ครองบอลและฉวยโอกาสเข้าทำได้ดีกว่าทำให้ชิงความได้เปรียบไปก่อน ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 51 ควีวิน เคลเลเฮอร์ ยังโชว์เซฟช่วยทีม
จากจังหวะของ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่-ฮอลล์ พาบอลลุยเข้ามาในเขตโทษทางฝั่งซ้ายก่อนจะโยกหลอกแนวรับเจ้าบ้านซัดด้วยขวา แต่บอลก็ยังไม่ผ่าน ควีวิน เคลเลเฮอร์ ล้มตัวปัดเอาไว้ได้หวุดหวิด
นาทีที่ 67 ลิเวอร์พูล ไล่ขึ้นมาเป็น 2-3 ได้สำเร็จ
จากจังหวะของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จ่ายบอลไปให้ ทาคุมิ มินามิโนะ ส่งต่อให้ ดีโอโก้ โชต้า แตะบอลเข้าหากรอบก่อนจะยิงด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูไปไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ไล่มา 2-3
นาทีที่ 82 “หงส์แดง” น่าจะได้ประตูตีเสมอสุด ๆ
จากจังหวะของ นาบี เกอิต้า ตัดสินใจยิงไกลนอกกรอบบอลพุ่งไปเข้าทาง โชต้า โหม่งบอลเปลี่ยนทาง แต่ ชไมเคิ่ล ยังโชว์เซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 90+5 ลิเวอร์พูล เอาจนได้
จากจังหวะของ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษบอลถึง ทาคูมิ มินามิโนะ บรรจงยิงเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่ายไม่เหลือ ลิเวอร์พูล ไล่มา 3-3
จบเกม 90 นาที ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบสุดมันส์ 3-3 ต้องไปตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษและเป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ที่เฉียบคมกว่าทำให้เอาชนะไปได้ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป