การแข่งขันในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามพบกับ เรอัล มาดริด โดยเกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้เพียง 1 นาที “เรือใบสีฟ้า” ทะยานขึ้นนำอย่างรวดเร็ว
จากจังหวะของ ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงบอลตัดจากขวาเข้ามาก่อนเปิดด้วยซ้ายมาบริเวณจุดโทษให้ เดอ บรอยน์ สอดมาพุ่งโหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ 1-0
นาทีที่ 11 แฟนซิตี้ได้เฮกันลั่นสนาม
จากจังหวะของ โฟเด้น พาบอลเลื้อยมาทางฝั่งซ้ายก่อนจ่ายบอลคืนไปให้ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดเร็วไปในกรอบ กาเบรียล เชซุส ถึงบอลก่อน อลาบา พลิกยิงด้วยขวาบอลผ่านตัว กูร์กตัวส์ เข้าไปไม่เหลือ เรือใบ นำห่าง 2-0
นาทีที่ 17 โอกาสแรกของ เรอัล มาดริด
จากจังหวะแนวรับซิตี้พลาดโดน โมดริช แย่งบอลก่อนไหลถึง เบนเซม่า แทงทะลุช่องต่อให้ วินิซิอุส ยิงมุมแคบก่อนบอลไปแฉลบบล็อคแข้งเจ้าถิ่นออกหลังไปหวุดหวิด
นาทีที่ 26 เจ้าบ้านบุกกดดันได้ดีกว่า
จากจังหวะของ เดอ บรอยน์ แย่งบอลได้ก่อนไหลให้ แบร์นาร์โด้ แทงบอลต่อให้ มาห์เรซ หลุดเข้าไปก่อนจะยิงมุมแคบบอลเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 30 ราชันชุดขาว เปิดเกมแลก
จากลูกเตะมุมของ โทนี่ โครส เปิดมาเสาแรกให้ อลาบา ขึ้นโฉบมาสะบัดโหม่งบอลหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 33 เรอัล มาดริด มาพังประตูตีไข่แตกได้สำเร็จ
จากจังหวะที่เจ้าถิ่นเสียบอลตรงกลางก่อนบอลจะมาถึง แฟร์กล็องด์ เมนดี เปิดบอลไปหน้าประตูให้ เบนเซม่า วิ่งมายิงบอลไปแฉลบ ซินเชนโก เปลี่ยนทางไปชนเสาด้านในเข้าไปไม่เหลือ เรอัล มาดริด ไล่มา 2-1
นาทีที่ 35 เรอัล มาดริด เกือบได้ลุ้นตีเสมอ
จากจังหวะของ การ์บาฆาล จ่ายให้ให้ โรดรีโก้ แหวกพาบอลเข้าไปยิงมุมแคบแต่บอลยังไปติดมือ เอแดร์ซอน ทุบออกหลังไปหวุดหวิด
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ เรอัล มาดริด ไปก่อน 2-1 รูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ครองบอลและสร้างโอกาสเข้าทำได้เหนือกว่า ทำให้ชิงทำประตูออกนำไปได้ก่อน ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 48 เรือใบสีฟ้า เร่งเครื่องบุกกดดัน
จากจังหวะของ ริยาด มาห์เรซ พาบอลขึ้นมาก่อนจะจิ้มหนี มิลิเตา หลุดเดี่ยวเข้าไปปั่นด้วยซ้ายบอลหนีมือ กูร์กตัวส์ ไปแล้วแต่ดันไปชนเสา แม้ โฟเด้น จะตามมาซ้ำแต่ก็ยังไปติด การ์บาฆาล ที่ถอยลงมาขวางก่อนเคลียร์ออกไป
นาทีที่ 53 เรือใบสีฟ้า มาได้เม็ดที่สามจนได้
จากจังหวะของผู้เล่นเจ้าถิ่นตัดเกมได้ทางขวาก่อน แฟร์นานดินโญ่ จะพาบอลขึ้นมาแล้วเปิดบอลมากลางประตูให้ ฟิล โฟเด้น หนีตัวประกบวิ่งมาโหม่งบอลลงพื้นตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 3-1
นาทีที่ 55 เรอัล มาดริด ทวงประตูไล่มาทันควัน
จากจังหวะของ วินิซิอุส จูเนียร์ โชว์สเต็ปพาบอลลากลุยก่อนแตะลอดขา แฟร์นานดินโญ่ พลิกควบบอลเกือบครึ่งสนามสปีดหนีเข้าไปซัดเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด เรอัล มาดริด ไล่มา 3-2
นาทีที่ 67 เกมเปิดแลกกันสนุก
จากจังหวะของ เดอ บรอยน์ จ่ายบอลให้ ซินเชนโก ขึ้นมาก่อนจะได้ช่องเปิดบอลเรียดไปหน้าประตูถึง อายเมริค ลาปอร์กต์ ที่เติมมาตวัดยิงแต่บอลยังไปตรงตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ รับกระฉอกแต่ตามมารับไว้ได้
นาทีที่ 74 แฟนเรือใบหายใจคล่องขึ้นมาอีกครั้ง
จากจังหวะของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก โดนขวางล้มลงหน้ากรอบแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้ได้เปรียบเล่นต่อจนบอลถึง แบร์นาร์โด้ หลุดเข้าไปยิงเต็มแรงมุมแคบบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงามให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 4-2
นาทีที่ 83 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเสียจุดโทษ
จากจังหวะของ อายเมริค ลาปอร์กต์ ทำเสียแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้ เรอัล มาดริด ได้จุดโทษก่อนที่ คาริม เบนเซม่า จะยิงให้ชุดขาวไล่มาเป็น 4-3
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดเอาชนะ เรอัล มาดริด ไปแบบสนุก 4-3 กุมความได้เปรียบก่อนในเกมแรก ก่อนนัดสองจะไปเล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในวันพุธหน้า