การแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง โครเอเชีย ลงสนามพบกับ สเปน เกมนี้ โครเอเชีย ลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้าน สเปน มาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 9 นาที สเปน ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะลูกฟรีคิกริมสนามทางฝั่งขวาระยะประมาณ 25 หลา โกเก้ เปิดบอลลอยมาถึง เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า แต่ย้อนหลังทำให้โหม่งไม่ถนัดทำให้น้ำหนักเบาบอลไปเข้ามือ โดมินิค ลิวาโควิช นายด่านโครเอเชีย
นาทีที่ 16 สเปน โหมบุกกดดันต่อเนื่อง
จากจังหวะของ เปดรี้ จ่ายจากทางซ้ายเข้ากลางเขตโทษให้ โกเก้ วิ่งขึ้นมายิงเต็ม ๆ แต่ โดมินิค ลิวาโควิช นายด่านตาหมากรุกขวางไว้ทัน บอลกระเด้งกลับมาโดนหัว โกเก้ เหินข้ามคานไปอีกครั้ง
นาทีที่ 20 ไม่รู้จะโทษใคร โครเอเชีย มีดวงชิงได้ประตูขึ้นนำไปก่อน
จากจังหวะของ เปดรี้ ส่งบอลคืนหลังตรงกลางสนาม กลับไปให้ อูไน ซิมอน แต่นายด่านกระทิงดุ ดันแตะบอลไม่โดน ปล่อยบอลหลุดกลิ้งเข้าประตูตนเองแบบพลาดท่า โครเอเชีย ออกนำ 1-0
นาทีที่ 38 กระทิงดุ ทวงประตูคืนจนได้
จากจังหวะของ ปาโบล ซาราเบีย เก็บบอลหน้ากรอบเขตโทษจ่ายบอลเข้าในเขตโทษให้ โฆเซ่ กาย่า ยิงทันทีแต่บอลยังไปติดเซฟ โดมินิค ลิวาโควิช นายด่านโครแอต ก่อนบอลกระดอนมาหา ปาโบล ซาราเบีย ยิงซ้ำส่งบอลซุกตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ สเปน ไล่มา 1-1
จบครึ่งแรก โครเอเชีย เสมอกับ สเปน ไปก่อน 1-1 รูปเกมถือว่าทั้งสองทีมเปิดเกมสู้กันได้อย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับและกลายเป็นสเปนที่พลาดเสียประตูง่ายไปก่อนแต่ก็กลับมายิงคืนจนได้ ทำให้ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 57 อัซปิลิกวยต้า โขกพาทีมพลิกแซง
จากจังหวะของ เปดรี้ เลี้ยงบอลพาลุยเข้าเขตโทษก่อนส่งบอลออกซ้ายมาเกือบถึงเส้น เฟรราน ตอร์เรส เปิดบอลเข้ามาหน้าปากประตู และเป็น เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า กระโดดโหม่งบอลเต็ม ๆ ส่งบอลเข้าประตูไปไม่เหลือ สเปน ขึ้นนำ 1-2
นาทีที่ 67 โครเอเชีย ได้ลุ้นจบสกอร์บ้าง
จากจังหวะของ ลูก้า โมดริช จ่ายบอลเข้ามาให้ นิโกล่า วลาซิช แตะบอลริมกรอบเขตโทษ ก่อนจิ้มต่อไปที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เติมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะซัดเต็มข้อแต่บอลยังไม่ผ่านมือนายด่านสเปนล้มตัวตะครุบไว้ได้
นาทีที่ 72 อัลบาโร่ โมราต้า พลาดทำประตูนำห่าง
จากจังหวะลูกฟรีคิกบอลลอยมาถึง จาโฆเซ่ กาย่า โหม่งต่อเข้ากลางเขตโทษให้ เฟรราน ตอร์เรส วอลเลย์บอลพุ่งมาหา อัลบาโร่ โมราต้า โหม่งระยะเผาขนทางเสาด้านซ้ายแต่ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 77 สเปน เอาจนได้ทิ้งห่าง โครแอต
จากจังหวะของ เปา ตอร์เรส วางบอลยาวจากแดนหลังมาถึง เฟรราน ตอร์เรส แตะบอลหนี ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ก่อนหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วยิงลอดขา โดมินิค ลิวาโควิช นายด่านตาหมากรุกบอลพุ่งเข้าซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ สเปน ทิ้งห่าง 1-3
นาทีที่ 85 โครเอเชีย มาได้ประตูแห่งความหวัง
จากจังหวะของ ลูก้า โมดริช เก็บบอลได้หน้าประตูก่อนไหลเข้ากลาง มาริโอ ปาซาลิช เข้าบอลไม่โดนบอลเลยมาถึง มิสลาฟ ออร์ชิช ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้าประตูไปไม่เหลือ โครเอเชีย ไล่มา 2-3
นาทีที่ 90+2 แฟนสเปนช็อกมาโดนตีเสมอก่อนหมดเวลา
จากจังหวะของ มิสลาฟ ออร์ชิช เปิดบอลจากทางฝั่งซ้ายเข้าไปลุ้นหน้าปากประตูและเป็น มาริโอ ปาซาลิช ขึ้นโหม่งบอลผ่านมือนายด่านสเปนซุกเข้าประตูไปไม่เหลือ โครเอเชีย ตีเสมอ 3-3
จบเกม 90 นาที โครเอเชีย เสมอกับ สเปน ไปแบบสุดมันส์ ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
นาทีที่ 96 อูไน ซิมอน โชว์เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้
จากจังหวะของ มิสลาฟ ออร์ชิช ปาดบอลทางซ้ายมาหน้าประตู จอร์ดี้ อัลบา แหย่เท้าสกัด มาริโอ ปาซาลิช แตะบอลกระฉอกมาหา อังเดรย์ ครามาริช ได้ยิงระยะเผาขน แต่ อูไน ซิมอน ยังโชว์เซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 100 อัลบาโร่ โมราต้า ซัดประตูคลายความกดดัน
จากจังหวะของ ดานี่ โอลโม่ เปิดบอลย้อยทางขวาหน้ากรอบเขตโทษเข้ามาถึง อัลบาโร่ โมราต้า พักบอลลงก่อนยิงด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งยัดเข้าเสาแรก แบบที่ โดมินิค ลิวาโควิช หมดสิทธิ์ป้องกันทัน สเปน ทิ้งเป็น 3-4
นาทีที่ 103 กระทิงดุ ได้ใจซัดประตูปิดกล่อง
จากจังหวะของ ดานี่ โอลโม่ จ่ายบอลไปให้ อัลบาโร่ โมราต้า จ่ายคืนมาให้ ดานี่ โอลโม่ ลากขึ้นมาจากริมเส้นทางฝั่งขวาก่อนจ่ายเรียดมาให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้โอกาสยิงเต็ม ๆ ส่งบอลเข้าตาข่ายอีกเม็ด สเปน นำห่าง 3-5
นาทีที่ 120 โครเอเชีย ขวัญเสียเกมรุกหาย
จากจังหวะของ มิเกล โอยาร์ซาบัล โยกหลอกแนวรับโครแอต ก่อนไหลออกมาทางขวาให้ ดานี่ โอลโม่ ปั่นบอลโค้งไปชนเสาทางซ้ายกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
จบเกม โครเอเชีย แพ้ให้กับ สเปน ไปช่วงต่อเวลา 3-5 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่ง สเปน ที่ทำได้เหนือกว่าและสร้างสรรค์จังหวะจบสกอร์ได้ดุดันกว่าจนสามารถเอาชนะไปได้ในที่สุด ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเตรียมตัวพบกับ สวิสเซอร์แลนด์ ในรอบ 8 ทีม