การแข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง เวสต์แฮม ลงสนามพบกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-2-3-1 และทางด้านผู้มาเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 4 นาที “ขุนค้อน” มาได้ประตูทะยานออกนำอย่างรวดเร็ว
จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ ปาโบล ฟอร์นาลส์ ปั่นบอลโค้งเข้ามาในกรอบบอลไปแฉลบมือ อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่ออกมาชนกับ อันเจโล่ อ็อกบอนน่า พุ่งซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ ผู้ตัดสินรอเช็ค วีเออาร์ อยู่นานเนื่องจากผู้เล่น ลิเวอร์พูล มองว่า อันเจโล่ อ็อกบอนน่า ไปทำฟาว์ล อลีสซง เบ็คเกอร์ สุดท้ายยืนยันให้เป็นสกอร์ เวสต์แฮม ออกนำ 1-0
นาทีที่ 6 เจ้าถิ่น เกือบจะต้องมาเหลือ 10 คน
จากจังหวะของ แอรอน เครสส์เวลล์ เล่นอันตรายไปเปิดปุ่มใส่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ผู้ตัดสินเป่าและให้ใบเหลืองทันที เนื่องจาก วีเออาร์ ไม่ได้ส่งสัญญานให้ เคร็ก พอว์สัน ผู้ตัดสินออกไปเช็คว่ามีน้ำหนักพอเป็นใบแดงหรือไม่
นาทีที่ 30 “หงส์แดง” ครองบอลบุกเข้าทำต่อเนื่อง
จากจังหวะของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สอดมารับบอลทางฝั่งขวาก่อนเปิดบอลเข้าเขตโทษถึง ดีโอโก้ โชต้า ได้ขึ้นโหม่งบอลเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 35 หงส์แดง น่าจะมาได้ประตูตีเสมอสุด ๆ
จากบอลทางฝั่งซ้ายของ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เปิดบอลเข้าเขตโทษไปติดหัวแนวรับ เวสต์แฮม โหม่งสกัดมาเข้าทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงด้วยขวาบอลปลิ้นหลังเท้าออกไปไกล
นาทีที่ 41 “หงส์แดง” ตามตีเสมอเป็น 1-1
จากลูกฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เล่นสูตรเขี่ยเปลี่ยนจุดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เหยียบตั้งบอลให้ เทรนท์ วิ่งมาปั่นด้วยขวาบอลโค้งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 1-1
จบครึ่งแรก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอกับ ลิเวอร์พูล อยู่ที่ 1-1 รูปเกมเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ครองบอลและสร้างโอกาสเข้าทำได้เหนือกว่า แต่ก็ยังใช้โอกาสเปลือง ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 50 เจ้าบ้านเปิดเกมสู้ไม่กลัว
จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ ปาโบล ฟอร์นาลส์ ปั่นบอลเข้ามาในกรอบบอลถึง เคร็ก ดอว์สัน ขึ้นดีกว่าแนวรับ ลิเวอร์พูล แต่จังหวะโหม่งกดไม่ลงเช็ดคานหลุดออกหลังไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 51 “หงส์แดง” ตอบโต้ได้ทันควัน
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จ่ายบอลออกซ้ายไปให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สอดเข้าเขตโทษมาจ่ายย้อนเข้าในถึง ซาดิโอ มาเน่ ชาร์จด้วยขวาแต่น่าเสียดายบอลยังไปตรงตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ รับเอาไว้ได้ไม่ยาก
นาทีที่ 60 ลิเวอร์พูล โหมบุกกดดันอย่างหนัก
จากจังหวะบอลขึ้นทางฝั่งซ้ายของ ซาดิโอ มาเน่ พาบอลแหวกเข้าเขตโทษก่อนจ่ายหักข้อย้อนมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมายิงตามน้ำยัดมุมแคบหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 67 แฟนบอล เวสต์แฮม ได้เฮสนั่น
จากจังหวะสวนกลับของ จาร์ร็อด โบเว่น พาบอลกระชากแหวกขึ้นมาจากครึ่งสนามได้ช่องจ่ายทะลุช่องไปให้ ปาโบล ฟอร์นาลส์ หลุดขึ้นหน้ามายิงด้วยซ้ายบอลยังไปติดปลายมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่ยังแรงพอที่จะเป็นประตู เวสต์แฮม พลิกขึ้นนำ 2-1
นาทีที่ 75 เจ้าถิ่น ได้ใจบวกเพิ่มอีกตุง
จากจังหวะลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ จาร์ร็อด โบเว่น ปั่นบอลโค้งลึกมาเสาไกลถึง เคิร์ต ซูม่า ขยับมาโหม่งแบบไร้ตัวประกบบอลพุ่งแสกหน้า อลีสซง เบ็คเกอร์ ตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ เวสต์แฮม ทิ้งห่าง 3-1
นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล ไม่ยอมง่าย ๆ ไล่มาเป็น 3-2
จากจังหวะของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สอดขึ้นมารับบอลในเขตโทษโดน เคิร์ต ซูม่า ตามมาปั๊มเด้งไปเข้าทาง ดิว็อค โอริกี้ กระดกด้วยขวาก่อนหมุนตัวยิงด้วยซ้ายเสียบหน้าต่างเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ลิเวอร์พูล ไล่มา 3-2
นาทีที่ 90 “หงส์แดง” พลาดโอกาสทองสำคัญ
จากจังหวะลูกฟรีคิกของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลไปเสาไกลถึง ซาดิโอ มาเน่ ขยับหนีตัวประกบทิ้งตัวก่อนโหม่งบอลกระดอนพื้นผ่านหน้าประตูหลุดเสาไกลออกไปเหลือเชื่อ
จบเกม เวสต์แฮม เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 3-2 เปอร์เซ็นต์การครองบอลและจังหวะเข้าจบสกอร์เป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ทำได้ดีกว่า แต่ก็ใช้โอกาสเปลืองทำให้เจ้าบ้านที่เฉียบคมกว่าเอาชนะไปได้ในที่สุด ส่งผลให้ เวสต์แฮม มี 23 คะแนน อยู่อันดับที่ 3 และทางด้าน ลิเวอร์พูล มี 22 คะแนน อยู่อันดับ 4