การแข่งขันในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ระหว่าง เรอัล มาดริด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี เกมนี้เจ้าบ้านลงเล่นในระบบ 4-3-3 และทางด้านทีมเยือนมาสู้ในระบบ 4-3-3
เกมเริ่มมาได้ 10 นาที “ราชันชุดขาว” ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะของ รีซ เจมส์ พลาดไปตัดเกม วินิซิอุส จูเนียร์ เสียฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษ ก่อนจะเป็น คาริม เบนเซม่า รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาบอลเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 13 “สิงห์บลูส์” ได้ตอบโต้คืนบ้าง
จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายของ มาร์กอส อลอนโซ่ ปั่นโค้งมาหน้ากรอบถึง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ สลัดตัวประกบมาโหม่งบอลปลิ้นข้ามคานออกไปเหมือนกัน
นาทีที่ 15 เชลซี มาได้ประตูทะยานขึ้นนำ
จากจังหวะทำชิ่งทางฝั่งซ้ายบอลไปโดนหน้าขา ติโม แวร์เนอร์ กลายเป็นดีเด้งเข้าเขตโทษถึง เมสัน เม้าน์ท สอดมาเก็บได้ช่องปั่นด้วยขวาบอลผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ โค้งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม เชลซี ออกนำ 0-1
นาทีที่ 23 เบนเซม่า ได้ลูกส้มหล่น
จากจังหวะของ วินิซิอุส จูเนียร์ พาบอลแหวกมาหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายจังหวะพยายามโยกหนีไปติดเท้า รีซ เจมส์ กวาดย้อนมาหน้ากรอบเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ได้ช่องซัดด้วยซ้ายแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เหินข้ามคานออกไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 30 เจ้าบ้านพยายามเร่งเครื่อง
จากจังหวะของ ลูก้า โมดริช ขยับมารับบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะได้ช่องดีดไซค์ก้อยให้ คาริม เบนเซม่า แปะชิ่งเร็วคืนมาเข้าทาง กาเซมิโร่ วิ่งมากดด้วยซ้ายบอลพุ่งข้ามคานออกไปไกล
จบครึ่งเวลาแรก เรอัล มาดริด ตามหลัง เชลซี อยู่ที่ 0-1 ( สกอร์รวมสองนัด เรอัล มาดริด นำ เชลซี อยู่ที่ 3-2 )รูปเกมทั้งสองทีมยังเปิดเกมสู้กันได้อย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ตลอด แต่กลายเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่บุกเข้าทำได้เฉียบคมกว่าทำให้ชิงทำประตูขึ้นนำไปได้ก่อน ต้องมาติดตามลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งเวลาหลัง
นาทีที่ 50 “สิงห์บลูส์” เดินหน้าบุกเข้าใส่
จากลูกเตะมุมทางขวาแนวรับ เรอัล มาดริด สกัดไม่ขาดบอลมาเข้าทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ได้โอกาสยิงบอลไปติดบล็อคย้อนมาหา รีซ เจมส์ ยิงซ้ำอีกรอบบอลไปแฉลบเด้งเฉี่ยวเสาไกลนิดเดียว
นาทีที่ 51 เชลซี ขยับหนีเม็ดที่สองจนได้
จากจังหวะของต่อเนื่องลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ เมสัน เม้าน์ท เปิดบอลโค้งมาเสาไกลข้ามหัว ดาวิด อลาบา มาตกใส่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ได้ขึ้นโหม่งเต็มแรงพุ่งสวนตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ กระดอนพื้นซุกหน้าต่างเสาไกลเข้าไปไม่เหลือ เชลซี นำห่าง 0-2
นาทีที 55 โอกาสยิงตรงกรอบครั้งแรกของ “ราชันชุดขาว”
จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โทนี่ โครส วิ่งมาปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามกำแพงหวิดเบียดเสาแรก แต่บอลยังไปติดปลายมือ เอดูอาร์ เมนดี้ ตบทิ้งออกหลังไปได้หวุดหวิด
นาทีที่ 62 เชลซี เกือบได้เฮ
จากจังหวะของ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ โดนรุมเสียบอลกลางทางก่อนเป็น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ขยับมารับบอลสอดเข้าเขตโทษจ่ายออกซ้ายไปให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ตามมายิงแต่ยังไปติดบล็อค ดานี่ การ์บาฆัล เด้งมาเข้าทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ซ้ำอีกรอบบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม แต่ผู้ตัดสินเช็คจากห้อง วีเออาร์ ก่อนจะ ริบสกอร์ คืนเนื่องจากบอลไปโดนมือ มาร์กอส อลอนโซ่ แฮนด์บอลไปก่อน
นาทีที่ 75 แฟนบอล เชลซี เฮสนั่น
จากจังหวะของ มาเตโอ โควาซิช จ่ายบอลทะลุช่องสุดงามไปให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนบอลจะมาเข้าทาง กาเซมิโร่ หาช่องยิงบอลไปแฉลบบล็อค ติโบต์ กูร์กตัวส์ เด้งเข้าประตูไปไม่เหลือ เชลซี ทิ้งห่าง 0-3
นาทีที่ 79 “สิงห์บลูส์” เกือบมาได้ประตูปิดกล่อง
จากจังหวะบอลเปิดทางฝั่งซ้ายบอลโค้งมาเข้าหัว ไค ฮาแวร์ตซ์ โหม่งเปลี่ยนทางในกรอบไปติดปลายมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ล้มไปควักทิ้งออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 80 เรอัล มาดริด มาตีไข่แตกจนได้
จากจังหวะตัดเกมทางฝั่งซ้ายบอลมาเข้าทาง ลูก้า โมดริช ดีดไซค์ก้อยข้ามหัว ติอาโก้ ซิลวา โค้งมาเสาไกลถึง โรดรีโก้ สอดมาเข้าชาร์หน้าปากประตูบอลเบียดเสาแรกตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ เรอัล มาดริด ไล่มา 1-3
จบเกม 90 นาที เรอัล มาดริด แพ้ให้กับ เชลซี ไป 1-3 (ผลสองนัดเสมอกันอยู่ที่ 4-4) ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที เพื่อหาผู้ชนะเข้าสู่รอบต่อไป
นาทีที่ 96 กองเชียร์ เรอัล มาดริด ได้เฮดัง
จากจังหวะของ วินิซิอุส จูเนียร์ พาบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายดึงจังหวะได้ช่องยกมาหน้าประตูเข้าหัว คาริม เบนเซม่า ได้ขึ้นโหม่งบอลย้อนทาง เอดูอาร์ เมนดี้ ซุกก้นตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ เรอัล มาดริด ไล่มา 2-3
นาทีที่ 114 เชลซี เปิดเกมแลก
จากจังหวะของ ฮาคิม ซีเย็ค รับบอลในเขตโทษทางฝั่งซ้ายก้มหน้ายิงยัดเสาแรกแต่ต้องชม ติโบต์ กูร์กตัวส์ ไม่เหม่อตบบอลทิ้งช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเวลา
จบช่วงต่อเวลาพิเศษ เรอัล มาดริด แพ้ให้กับ เชลซี ไป 2-3 (ผลรวมสองนัด เรอัล มาดริด เบียดเอาชนะ เชลซี ไปได้ 5-4 ) ส่งผลให้ เรอัล มาดริด ตีตั๋วรอบรองชนะเลิศสำเร็จ โดยไปรอพบผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ แอต.มาดริด